พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ว่า เป็นการประชุมเพื่อวางอนาคตของประเทศ โดยยกประเด็นการปฏิรูปในหลายประเด็น จึงขออย่ามองเป็นประเด็นการเมืองอย่างเดียว แต่ต้องมองในประเด็นการยกระดับรายได้สู่ประเทศที่มีรายได้สูง โดยวันนี้รัฐบาลเอากฎหมายทั้งหมดมาปรับปรุงพัฒนาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและเทียบเคียงกฎหมายหมายต่างประเทศ จึงอยากให้คนไทยให้ความสำคัญในเรื่องกฎหมายให้มากขึ้น ไม่ใช่รัฐบาลต้องการบังคับประชาชน แต่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนและทำให้กระบวนการยุติธรรมเป็นที่ไว้วางใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำให้เกิดขึ้นโดยเร็วในช่วงที่เหลืออยู่ และต้องมีมาตรการรองรับไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมาในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายเดิมและกฎหมายใหม่ที่จะออกมา ดังนั้นขออย่ามองเป็นเรื่องการเมืองอย่างเดียว เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้เดินหน้าปฏิรูปไปหลายประเด็นแล้วจึงอยากให้ย้อนดู 22 พ.ค. 2557 ที่กำหนดวาระปฏิรูปใน 11 วาระออกมา เป็นแผนปฏิรูปประเทศที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ นำไปสู่การขับเคลื่อนของคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศที่ต้องเดินหน้าไปพร้อมกัน เพื่อเป้าหมายสู่ประเทศที่มั่งคั่งและยั่งยืน

     ทั้งนี้ ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนติดตาม เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญกว่าทุกเรื่อง ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกันวันนี้ การปฏิรูปทุกอย่างก็ไม่มีวันสำเร็จ ซึ่งหลายประเทศใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ในการปฏิรูป แต่ประเทศไทยไม่ใช้ สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจ รัฐบาลมองเป้าหมายคือประชาชนทุกกลุ่มได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปประเทศ อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ร่วมมือกันวันนี้ แล้วไปร่วมมือกับคนอื่นในวันหน้าก็ดูว่าจะสำเร็จหรือไม่

      นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุฆ่ายกครัว 8 ศพ ที่จังหวัดกระบี่ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุเมื่อวานที่ผ่านมาแล้ว จึงไม่ต้องกำชับเพิ่มเติมอีก ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่ามีบุคคลในเครื่องแบบเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ไปหาผู้กระทำความผิดมา และยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ขณะเดียวกันหากไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะให้ใครเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งตำรวจที่ดีก็ให้ทำงานแต่หากไม่ดีก็ย้ายออกไป และลงโทษด้วยกลไกทางกฎหมาย

    อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ยังไม่ได้รับรายงานหลังจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่เมื่อวานนี้ เนื่องจากต้องรอการสืบสวนสอบสวนกับบุคลที่ส่วนเกี่ยวข้องที่ไม่สามารถสอบสวนภายในวันเดียวได้ โดยเบื้องต้นอาจมีหลายสาเหตุทั้งเรื่องของความขัดแย้ง เรื่องชู้สาวและขัดแย้งผลประโยชน์ในพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการสอบสวน พร้อมแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และมองว่าควรแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวมากกว่ามุ่งแต่เรื่องของการเมือง

    นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัดที่ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไม่สามารถย้ายรองผู้อำนวยการฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้นั้น ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอยู่ ส่วนจะออกคำสั่งมาตรา 44 ดำเนินการเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ต้องรู้ว่าตนเองจะใช้วิธีใด หากทำได้ก็ทำได้ โดยจะต้องรอการเสนอขึ้นมาเองว่าจะย้ายหรือไม่ย้าย หากย้ายภายในไม่ได้ก็ต้องย้ายภายนอกและหากพบว่ามีความผิด หรือมีมูลก็ต้องย้าย