ศาลอาญาคดีทุจริตฯกลาง พิพากษาคุก 9 ปี ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้นายก อบจ.สงขลา ปมละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่อนุมัติจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทาง 2 คัน 50.8 ล้านบาท เจ้าตัวยื่น 2 แสนบาท ได้ประกันชั้นอุทธรณ์ ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก 9 ปี แก่นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา กรณีถูกกล่าวหาว่า ละเว้นไม่อนุมัติจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ จำนวน 2 คัน เป็นเงิน จำนวน 50,850,000 บาท แก่บริษัทพลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดยศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาจำนวน 10 นัด รวมระยะเวลาตั้งแต่วันฟ้องถึงวันอ่านคำพิพากษาเป็นเวลา 1 ปี 23 วัน
ล่าสุด นายนิพนธ์ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นอุทธรณ์ ตีราคาประกัน 2 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
สำหรับคำพิพากษาฉบับเต็มจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระบุว่า คดีระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับนายนิพนธ์ บุญญามนีกรณีละเว้นไม่อนุมัติจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ จำนวน 2 คัน เป็นเงินจำนวน 50,850,000 บาท แก่บริษัทพลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำเลยหยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยจนกว่าจะมีคำพิพากษา ให้จำเลยพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของจำเลยและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 1- ปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง
ชั้นรับฟ้อง จำเลยลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง จึงไม่จำต้องมีคำสั่งให้จำเลยหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษาและให้จำเลยพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลย ตามการไตสวนแล้ว ปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ดำเนินการไต่สวนตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2561 และวินิจฉัยแล้วเสร็จวันที่ 17 กันยายน 2563 เกิน 2 ปี ไม่ชอบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 48, 192 เห็นว่าในส่วนที่เกี่ยวกับเวลาการดำเนินคดีนั้น มีสองกรณี คือ ระยะเวลาดำเนินการตามมาตรา 48 กรณีหนึ่ง และระยะเวลาฟ้องคดีตามมาตรา 79 วรรคแปด อีกกรณีหนึ่ง ซึ่งทั้งสองกรณีดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ต่างกัน
กล่าวคือ ระยะเวลาในการดำเนินการมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้มีหน้าที่ในแต่ละชั้นตอนของการดำเนินการได้ดำเนินการไต่สวนหรือวินิจฉัยให้เสร็จสิ้นตามกรอบระยะเวลา เนื่องจากพฤติการณ์และมูลแห่งคดีเกี่ยวข้องกับพยานหลักฐานและบุคคล อีกทั้งอาจจะต้องปฏิบัติการอันสำคัญที่เกี่ยวกับคำสั่ง สัญญาและทรัพย์สิน อันเป็นมูลแห่งการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยผู้ที่มิได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จเพราะเหตุศาลอาญากทุจริตและประพฤติมิชอบกลางจงใจปล่อยปละละเลยหรือประมาทเลินเล่อ ผู้นั้นจะต้องถูกพิจารณาสอบสวนและดำเนินการลงโทษระยะเวลาในการดำเนินการจึงมิใช่เรื่องอำนาจฟ้อง ส่วนอายุความนั้นมีวัตถุประสงค์โดยนิตินโยบายของรัฐเพื่อคุ้มครองจำเลยและรักษาพยานหลักฐานให้คงอยู่เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาล
ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เป็นมูลเหตุจูงใจภายหลังการกระทำความผิดของจำเลยดังกล่าวแล้ว และไม่ได้เป็นเหตุที่จำเลยยกขึ้นโต้แย้งผู้ขายในขณะที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่สั่งการให้ทดลองหรือตรวจสอบในทางเทคนิคและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่มอบอำนาจให้ผู้ขายดำเนินการโอนทะเบียนให้กับผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขาย เลขที่ 22/6556 ข้อ 6 ตั้งแต่ต้นจึงไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้มีผลคดีเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ส่วนที่โจทก์ขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยนั้น เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราซการ และไม่ได้กระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยตรงจึงเห็นสมควรเพิกถอนเฉพาะสิทธิ สมัครรับเลือกตั้งของจำเลย
อนึ่ง ภายหลังการกระทำความผิด ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 7 ให้ยกเลิกอัตราโทษในมาตรา 157 และให้ใช้อัตราโทษใหม่แต่กฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดไม่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายเดิมซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) จำคุก 9 ปี และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนดเวลา 5 ปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก