นายวัส ติงสมิตร เปดเผยกรณี สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (OHCHR) ได้มีข้อมติเสนอให้ลดระดับ กสม. จากสถานะ เอ เป็นสถานะ บี พร้อมกับมีข้อกังวลในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ กระบวนการสรรหาและแต่งตั้ง กสม. ภูมิคุ้มกัน และความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของ กสม. การรายงานสถานการณ์ทางด้านสิทธิมนุษยชนที่ทันต่อเหตุการณ์
โดย กสม. มีเวลา 28 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับทราบข้อมติของคณะอนุกรรมการประเมินสถานะ ในการคัดค้านข้อมติของคณะอนุกรรมการประเมินสถานะดังกล่าว พร้อมกับให้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งที่ประชุม กสม. พิจารณาแล้ว มีมติให้มีหนังสือคัดค้านข้อมติของคณะอนุกรรมการประเมินสถานะ โดยจะชี้แจงเหตุผลว่า ที่ผ่านมา กสม. ได้พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่และต่อเนื่องในการรณรงค์ให้มีการปรับปรุงบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและกฎหมายจัดตั้ง กสม. ให้สอดคล้องกับหลักการปารีส
อย่างไรก็ตาม กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังไม่เสร็จสิ้น และขณะนี้ กสม. ชุดใหม่ เพิ่งเข้ารับหน้าที่ และได้เตรียมที่จะจัดทำข้อเสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมายในประเด็นที่เป็นข้อห่วงกังวลของคณะอนุกรรมการประเมินสถานะ เกี่ยวกับกระบวนการสรรหา กสม. และการคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของ กสม. ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ส่วนในประเด็นเรื่องความล่าช้าในการจัดทำรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศนั้น กสม. ชุดใหม่จะนำข้อคิดเห็นของคณะอนุกรรมการประเมินสถานะมาพิจารณาปรับปรุงกระบวนการทำงานของ กสม. เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนภายในประเทศได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป