นายราเมศ รัตนะเชวง คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำ นปช. ออกมาเรียกร้องให้ พนักงานอัยการให้ทำความเห็นไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ และให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. หยิบยกคดีสลายการชุมนุม ปี 2553 มาดำเนินคดี และมีการกล่าวอ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่บิดเบือนไม่ตรงตามความเป็นจริงนั้น
นายราเมศ กล่าวว่า ข้อมูลที่นายณัฐวุฒิกล่าวล้วนเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแทบทั้งสิ้น คดีสลายการชุมนุมที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์พยายามทุกวิธีทางที่จะเล่นงานนายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพนั้น ทุกอย่างได้ผ่านกระบวนการยุติธรรมเป็นที่ยุติแล้วว่าไม่มีความผิด เหล่านี้คือสิ่งที่นายณัฐวุฒิควรทราบและต้องพยายามเรียนรู้หาเวลาอ่าน ศึกษาคำพิพากษาให้ละเอียด เชื่อว่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก อย่ามุ่งหวังทำลาย ใส่ร้ายกันในทางการเมือง อย่าพยายามสร้างราคาให้กับตัวเองของนายณัฐวุฒิ
นายราเมศ กล่าวต่อว่า คดีที่นายณัฐวุฒิกล่าวอ้าง คือหมายคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4288-4289/2560 ฉบับลงวันที่ 26 มิถุนายน 2560 คดีที่พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี คดีนี้ศาลยกฟ้องทั้ง 3 ศาล (ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา)
โดยคดีนี้ นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความของนายอภิสิทธิ์ ได้ยื่นให้มีการวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมาย คดียังไม่มีการสืบพยาน เหตุเพราะศาลเห็นว่ามีประเด็นข้อกฎหมายที่จำต้องวินิจฉัยจึงได้มีการงดสืบพยานปรากฏตามคำพิพากษาหน้าที่ 7 และศาลก็วินิจฉัยว่าคดีดังกล่าวเป็นอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช จึงให้ยกฟ้อง แล้วศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ก็ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น คำพิพากษาศาลฎีกาหน้า 14 ระบุไว้ชัดว่าเมื่อเป็นปัญหาข้อกฎหมายศาลได้วินิจฉัยแล้วก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในข้ออื่นและว่า นี่คือความจริงตามคำพิพากษา แต่สิ่งที่นายณัฐวุฒิกล่าวว่าศาลฎีกาชี้ว่าเจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริงเป็นคำสั่งของนายอภิสิทธิ์นั้นจึงเป็นการบิดเบือนทั้งสิ้น
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า แต่คดีที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ชัดเจนในเรื่องข้อเท็จจริง คือ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2560 คดีที่นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ ได้ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ในความผิดตาม มาตรา 157 และ มาตรา 200 กรณีความผิดต่อหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม คดีได้มีการนำพยานเข้าสืบทั้งพยานบุคคล และพยานเอกสาร กว่า 60 ฉบับ มีการไต่สวน มีการสืบพยาน มีข้อเท็จจริง ที่ได้ระบุไว้ชัดในหน้าที่ 9 ว่ามีชายชุดดำใช้อาวุธปะปนอยู่ในกลุ่ม นปช. และซุ่มอยู่บนอาคารในบริเวณดังกล่าวด้วย มีการยิงกันด้วยเครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 จากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย มีเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือนเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก นี่คือส่วนหนึ่งที่มีคำวินิจฉัยไว้ชัดว่ามีชายชุดดำที่ได้ก่อเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2560 หน้า 15 บางตอนระบุชัดเจนว่า “มีการปะทะกัน มีการใช้อาวุธยิง ทำร้าย เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารและผู้ร่วมชุมนุมบาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก การชุมนุมของคนจำนวนมากต่อต้านรัฐบาลมีกองกำลังติดอาวุธเข้าปะทะเจ้าหน้าที่ทหารหลายครั้ง คำสั่งของโจทก์ที่ 2 แต่ละฉบับเป็นการออกคำสั่งกำหนดแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารให้เป็นไปตามสถานการณ์ เช่นกำหนดให้เจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนยิงได้ในกรณีจำเป็นเพื่อป้องกันชีวิตตน และผู้อื่น การกระทำของโจทก์ทั้งสองจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง อันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของโจทก์ทั้งสอง” จะเห็นได้ว่าคำสั่งต่างๆ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนคดีที่ได้มีคนไปแจ้งความนายณัฐวุฒิ ในข้อหายุยง ส่งเสริม ให้มีการบุกล้มการประชุมอาเซียน ขณะนี้อยู่ในชั้นพนักงานอัยการ แต่คดีนี้ยังไม่มีความคืบหน้า จึงอยากทวงถามสำนักงานอัยการว่าตอนนี้คดีนี้มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เพราะคดีนี้เป็นคดีที่สำคัญ กระทำการไม่ยำเกรงกฎหมาย บุกล้มการประชุมระหว่างประเทศ คนที่เป็นคนสั่งการก็จะต้องรับผิดชอบเพราะหลักฐานชัดเจน