นายสำราญ สาราบรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ดำเนินงานตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกฤษฎา บุญราช ซึ่งยึดตามหลัก 3 ต่อ อันได้แก่ ต่อ เติม แต่ง เชื่อมโยงการดำเนินงานระหว่าง ศพก. และแปลงใหญ่ โดยให้ ศพก. เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนความรู้และแปลงใหญ่เป็นจุดถ่ายทอดขยายผล ปัจจุบันมี ศพก. จำนวน 882 ศูนย์ โดยแบ่งพืชได้ตามลักษณะพื้นที่ ดังนี้ ข้าว 450 ศูนย์ พืชไร่ 78 ศูนย์ พืชผัก 31 ศูนย์ ไร่นาสวนผสม/เกษตรผสมผสาน 78 ศูนย์ ไม้ผล 139 ศูนย์ ยางพารา 52 ศูนย์ ปาล์มน้ำมัน 44 ศูนย์ อื่นๆ 10 ศูนย์ มีเครือข่าย ศพก. จำนวน 10,523 ศูนย์ และระบบการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ซึ่งมีเกษตรกรเข้าร่วมทั่วประเทศกว่า 25,1084 ราย
ในปี 2561 กรมส่งเสริมการเกษตรจะดำเนินการพัฒนาเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer ไม่น้อยกว่า 70% และพร้อมที่จะก้าวสู่การเกษตรแบบแปลงใหญ่ พัฒนาเกษตรกรที่เป็นแปลงใหญ่ ในปี 2559 จำนวน 597 แปลง ทุกประเภทสินค้าให้เป็นผู้จัดการแปลงใหญ่และเกษตรกรแปลงใหญ่ต้องได้รับความรู้ทั้งจาก ศพก. และ ศพก.เครือข่าย ยกระดับ ศพก. ทั้ง 882 ศูนย์ ให้ได้รับการพัฒนาและผ่านเกณฑ์เป็นระดับดี (A) ซึ่งได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ร่วมกับแปลงใหญ่ ที่ยึดตามเป้าหมายการพัฒนาแปลงใหญ่ 5 ด้าน ดังนี้ การลดต้นทุนการผลิต (20%) การเพิ่มผลผลิต (20%) การเพิ่มคุณภาพผลผลิต/การจัดทำมาตราฐาน การบริหารจัดการ และการจัดการด้านการตลาด ซึ่งอาจมีหลักสูตรเพิ่มเติมตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ สร้างมาตราฐานสินค้าแปลงใหญ่ ให้เป็น GAP แปลงใหญ่ รวมทั้งการจัดงานถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) เพื่อถ่ายทอดความรู้แบบเห็นของจริง ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตของแต่ละชนิดสินค้า เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติในฤดูกาลผลิตใหม่ และใช้ประโยชน์จากศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ทั้ง 882 ศูนย์ เป็นแหล่งศึกษาความรู้ แหล่งกระจายสินค้าที่มีแปลงใหญ่เป็นผู้ผลิต
กรมส่งเสริมการเกษตร จะบูรณาการการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานในทุกระดับให้เป็นไป ในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีที่เหมาะสม เข้าไปสนับสนุน และดำเนินการเชื่อมโยง ศพก. กับการส่งเสริมระบบแปลงใหญ่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว