เมื่อวันที่ 7 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ได้รับรายงานจากนายไสว แดนนาเฟือง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 บ้านปลายดินสอ ตำบลแม่กระบุง ว่ามีเหตุผู้กระทำผิดลักลอบเผา โดยจากการตรวจสอบพบว่าเวลาประมาณ 08.30 น. คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ได้รับแจ้งจากชุดเฝ้าระวังไฟป่าปลายดินสอ ชุดที่ 1 และ 2 พบเห็นกลุ่มควันไฟ เกิดขึ้นบริเวณที่ทำกินของราษฎร บ้านปลายดินสอหมู่ที่ 5 ตำบลแม่กระบุง จึงได้ประสานสนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวังไฟ เร่งเข้าควบคุมไฟกลุ่มดังกล่าว และอุทยานแห่งชาติเอราวัณได้ประสานผู้ใหญ่บ้าน คณะผู้นำชุมชน ร่วมสนธิกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ และได้เข้าควบคุมไฟในบริเวณดังกล่าวได้ โดยพบนาย อ. (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี จึงได้สอบสวนเบื้องต้น ปรากฎรายละเอียดว่า

นาย อ. (นามสมุติ) ได้เข้าพื้นที่มาเมื่อคืน วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 (เวลา 22.00 น.) เนื่องจากตนเองไปทำงานที่ต่างจังหวัด ประมาณ 5-6 เดือน ถึงได้กลับมาเยี่ยมบ้าน และดูแลแปลงเกษตร (มันสำปะหลัง) ช่วงเช้า วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 ตนเองตื่นขึ้นมาพบเห็นเศษขยะ และเศษวัชพืชที่อยู่รอบๆ บ้านพักอาศัย จึงได้ดำเนินการเก็บเศษขยะ และเศษวัชพืช มารวมกันและจุดเผาเศษขยะ และเศษวัชพืช กองดังกล่าว แต่ด้วยช่วงระยะเวลาดังกล่าว มีลมกระโชกแรง ทำให้ตนเองไม่สามารถควบคุมไฟที่กำลังลุกไหม้ได้ จึงลุกลามเป็นวงกว้าง
คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ฯดำเนินการจับค่าพิกัดภูมิศาสตร์ พบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นแปลงที่ดินราษฎรปรากฏตามบัญชีรายชื่อราษฎรเข้าร่วมทำการสำรวจการครอบครองที่ดิน ในเขตอุทยานแห่งชาติ (อส.3-1) ท้องที่หมู่บ้านปลายดินสอ หมู่ที่ 5 นาย อ. ( นามสมมุติ) อ้างว่า ตนขอเช่าพื้นที่เพื่อปลูกมันสำปะหลัง และทำกินในพื้นที่ดังกล่าว เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ เศษ
จากข้อมูลคำให้การ และตรวจสอบพื้นที่แล้ว เป็นเหตุอันทำให้คณะพนักงานเจ้าหน้าที่เชื่อได้ว่า การจุดไฟเผาป่าที่เกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ คณะเจ้าหน้าที่จึงแจ้งต่อนาย อ. ( นามสมมุติ) ว่าจะต้องถูกนำตัวไปเขียนบันทึกประกอบสำนวนคดี การตรวจยึด/จับกุม คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกเผาไหม้ พบความเสียหาย 0-2-93 ไร่ ขณะนี้ได้ควบคุมตัวนาย อ. (นามสมมุติ) ไปบันทึกจับกุม เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนกรณีพบจุดความร้อนเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าถ้ำองค์จุ หมู่ 1 ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ นายชุติเดช กมนณชนุตม์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) หัวหน้าศูนย์บัญชาการประจำกลุ่มป่ารอบเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี และนายประวัฒน์ พวงทอง ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดสนธิกำลังไปตรวจสอบเพื่อสกัดเปลวเพลิง โดยในวันดังกล่าวไม่สามารถสกัดเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้ได้เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางดึก อีกทั้งจุดเกิดเหตุอยู่บนภูเขาที่สูงชัน เพื่อความปลอดของเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องถอนกำลัง แต่เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวชายต้องสงสัยคือนายรันดร์ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ชาว ตำบลปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่อยู่ในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียวเอาไว้ ซึ่งผู้ต้องสงสัยอยู่ในชุดนุ่งขาวห่มขาว ผมยาว โดยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนเผาแต่อย่างใด มาที่ถ้ำองค์จุก็เพื่องต้องการปฏิบัติธรรมเท่านั้น
ต่อมาเช้าวันที่ 6 ก.พ.68 นายชุติเดช กมนณชนุตม์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)ได้มอบหมายให้นายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ร่วมกับปลัดอำเภอศรีสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ด่านแม่แฉลบ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง จากการตรวจสอบพบไฟลุกลามและขยายเข้าพื้นที่เป็นวงกว้าง ทำให้เกิดจุด Hotspot ทั้งรอบเช้าและรอบบ่าย ของวันที่ 6 ก.พ.68 จำนวน11 จุด
เจ้าหน้าที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ 10 นาย เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าเขื่อนศรีนครินทร์ 10 นาย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ 10 นาย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ 10 นาย และเจ้าหน้าที่ (เสือไฟ) จ.ชุมพร 10 นาย รวม 50 นาย ได้แต่ร่วมกันจัดทำแนวกันไฟไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้าง เพราะไม่สามารถเข้าไปดับไฟโดยตรงได้ทั่วทั้งพื้นที่ เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงและมีหน้าผาที่สูงชัน จนกระทั่งเวลา18.00น.ว่าที่ร้อยเอก วรเดช ตะรุสะดำรงเดช ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่ ได้รายงานให้ทราบว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมและดับไฟกลุ่มไฟดังกล่าวได้ทั้งหมดแล้ว
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ รายงาน