มติที่ประชุม ปชน.ล่ารายชื่อ สส. 1 ใน 5 ของ 2 สภาฯ ชงประธานรัฐสภา ยื่นถอดถอน ‘สุชาติ ตระกูลเกษมสุข’ ประธาน ป.ป.ช.ป้ายแดง เซ่นปมคลิปฉาวพบ ‘วันนอร์’
เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวจากพรรคประชาชน (ปชน.) ภายหลังการประชุม สส.ของพรรคเมื่อ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยในที่ประชุมมีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. และมีแกนนำพรรค พร้อมด้วย สส.เข้าร่วมด้วย มีการหารือกันถึงประเด็นคลิปฉาวในการพบกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กับนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากอาจเกี่ยวพันกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นการเข้าไปวิ่งเต้น หรือขอความเห็นคดีความต่าง ๆ หรือไม่นั้น
ล่าสุด มีรายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุม สส.ปชน.ดังกล่าว มีมติร่วมกันที่จะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 ที่เปิดช่องให้ สส.เข้าชื่อให้ได้จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของทั้ง 2 สภาฯ คือไม่น้อยกว่า 140 คน จากจำนวน สส. 500 คน และ สว. 200 คน หรือจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภาฯ ยื่นประธานรัฐสภา ถอดถอนประธานกรรมการ ป.ป.ช. โดยอ้างพยานหลักฐานส่วนหนึ่งเป็นคลิปฉาวในการเข้าพบกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ดังกล่าว โดยภายหลังการปิดประชุมสภาฯตั้งแต่ช่วงบ่าย สส.ปชน.ได้ทยอยลงชื่อหลายคนแล้ว
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญ มาตรา 236 ระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภาจํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาหรือประชาชนผู้มีสิทธิ เลือกตั้งจํานวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ใดกระทําการตามมาตรา 234 (1) โดยยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐานตามสมควร หากประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทําตามที่ถูกกล่าวหา ให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระจากผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริง
ส่วนมาตรา 234 (1) ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่และอำนาจในการไต่สวนและมีความเห็น กรณีมีการกล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ หรือผู้ว่าการตรวจเงินแผนดิน ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพื่อดำเนินการต่อไปตามรัฐธรรมนูญ หรือตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช.