(4 เม.ย. 2568) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง ในคดีที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กับพวก รวม 28 คน ฟ้อง ม.รามคำแหง กับพวกรวม 5 คน ว่า  ร่วมกันบอกเลิกสัญญาจ้าง และถอดถอนนายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ ออกจากตำแหน่งอธิการบดี ม.รามคำแหง โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยศาลให้เหตุผลว่า จากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ในระหว่างที่นายสืบพงษ์ ดำรงตำแหน่งอธิการบดี ม.รามคำแหง นายสืบพงษ์ มีพฤติการณ์ให้ความช่วยเหลือแก่ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งถูกกล่าวหาว่า ร่ำรวยผิดปกติ ด้วยการรับโอนที่ดินจากบุคคลดังกล่าวโดยอ้างว่า เงินที่ถูกยึดเป็นของกลางในคดีนั้น เป็นเงินของนายสืบพงษ์ เอง จนกระทั่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้ที่ดินและเงินที่ นายสืบพงษ์ กล่าวอ้างตกเป็นของแผ่นดิน ขณะที่ที่นายสืบพงษ์ ก็มิได้รายงานให้ ม.รามคำแหง ทราบการกระทำของ นายสืบพงษ์ จึงเป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณของผู้บริหารตามที่กฎหมายกำหนด  นอกจากนี้ นายสืบพงษ์ ยังได้ใช้คุณวุฒิปริญญาเอก Doctor of Business Administration จาก Pacific States University ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ยังไม่ได้รับการรับรองตามหลักเกณฑ์ของทางราชการ มาสมัครเข้าเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์ถือได้ว่า นายสืบพงษ์ เป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติ ไม่มีฐานะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่ต้น และต้องถือว่า นายสืบพงษ์ ไม่มีคุณสมบัติด้านการสอน หรือ มีประสบการณ์ด้านการบริหารมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ในมหาวิทยาลัย นายสืบพงษ์ จึงเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนในการดำรงตำแหน่งอธิการบดี ม.รามคำแหง ดังนั้น การที่สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง มีมติถอดถอน นายสืบพงษ์ ออกจากตำแหน่งอธิการบดี และ การที่ ม.รามคำแหง บอกเลิกสัญญาจ้าง นายสืบพงษ์ จึงเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง