'ภราดร' แถลงลาออกจากตำแหน่ง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง หลังภูมิใจไทย ประกาศถอนตัวร่วมรัฐบาล ขอคืนอำนาจสภาฯ เป็นผู้คัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม
ที่รัฐสภา นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง แถลงลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ หลังพรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวร่วมรัฐบาล โดยระบุว่า จริงๆเพิ่งจะได้ตัดสินใจเมื่อคืนที่ผ่านมาและได้คุยกับโฆษกพรรคให้ช่วยนัดหมายสื่อมวลชน
อย่างที่ได้ทราบกันอย่างที่เป็นข่าวตลอด2-3วันที่ผ่านมาตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้พูดถึงตำแหน่งของตนว่าได้มีการพูดคุยกับตน ก็เป็นไปตามที่ข่าวไปได้มีการพูดคุยกับนายอนุทินจริง โดยเห็นถึงสถานการณ์การเมืองก็พอจะประเมินได้ว่า พรรคเราจะเดินทางไปสู่จุดไหนของการเมือง ก็ได้ปรึกษาหารือว่าในกรณีที่พรรคเราไปเป็นเสียงข้างน้อยของสภาฯหรือไปเป็นฝ่ายค้านตนขอลาออกเพื่อที่จะไปทำหน้าที่ร่วมกันกับเพื่อนสมาชิกพรรคภูมิใจไทยในฐานะสส.
นายอนุทินได้ท้วงติงว่าตามรัฐธรรมนูญ ตามกฏหมายหรือตามข้อบังคับไม่ได้ห้ามให้ตำแหน่งประธานหรือรองประธานสภาฯต้องลาออก ในขณะที่ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
"ใช่ครับตามรัฐธรรมนูญ ตามกฏหมายหรือตามข้อบังคับ ไม่มีบัญญัติไว้แต่ต้องเรียนชี้แจงเหตุผลกับพี่น้องสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ผมได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่สอง เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2567 วันนั้นแม้จะไม่มีผู้แข่งขัน แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าผมมาจากฟากฝั่งของรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยได้ประชุมหารือกันและส่งผมให้เป็นตัวแทนของพรรคเพื่อมาดำรงตำแหน่งนี้
ผมตระหนักดีว่าผมมาจากเสียงข้างมากของสภาฯและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสภาผู้แทนฯว่า ตำแหน่งประธานตำแหน่งรองประธานทั้งสองคน ไม่มีหรอกครับที่จะมาจากเสียงข้างน้อย แม้ว่าจะไม่ได้ระบุเอาไว้ในตัวบทกฎหมาย แต่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ และเป็นแนวปฏิบัติที่เข้าใจและถือกันมาแบบนั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองมาจากเสียงข้างมากแล้ววันนี้สถานะพรรคการเมืองของพรรคภูมิใจไทยซึ่งผมสังกัดอยู่ได้เปลี่ยน สถานะจากเสียงข้างมากไปอยู่ฟากฝั่งของเสียงข้างน้อย ซึ่งเมื่อคืนนี้ทางพรรคภูมิใจไทยโดยการประชุมของกรรมการบริหารพรรคก็ได้ประกาศชัดเจนว่าจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล รวมถึงลาออกจากการดำรงตำแหน่งทางการเมืองของฝ่ายบริหารทั้งหมด
หมายความว่า พรรคภูมิใจไทยได้เปลี่ยนสถานะจากพรรคเสียงข้างมากไปอยู่จากพรรคเสียงข้างน้อยคือฝ่ายค้านนั่นเองเมื่อเป็นอย่างนี้ แม้ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฏหมายหรือตามข้อบังคับไม่ได้ระบุไว้ แต่ด้วยมารยาททางการเมืองด้วยความรับผิดชอบทางการเมืองและเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้กับสภาผู้แทนฯก็จำเป็นที่จะต้องตัดสินใจทางการเมืองด้วยการลาออกจากรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง เพื่อคืนอำนาจให้กับสภาฯ ในการที่จะสรรหาคนที่มีความเหมาะสมจากฝ่ายเสียงข้างมากของสภาฯเพื่อที่จะมาทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่สองต่อไป“
นายภราดร ยังกล่าวว่า จริงๆตั้งใจจะลาออกในช่วงที่เปิดสมัยประชุมแล้วเพื่อใช้เวทีสภาฯ ขอบคุณประชาชน แต่เมื่อการเมืองเป็นเช่นนี้ก็ทำให้ต้องตัดสินใจ ตนขอบคุณนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ตลอดเวลา9เดือน8วันที่ได้เมตตาและเอ็นดูตนที่ได้ดำเนินการนโยบายต่างๆภายใต้ร่มใหญ่ของท่านเพื่อทำให้สภาฯเป็นของประชาชนให้ได้ ตนได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนักงานหลายสำนักงานด้วยกันภายใต้ร่มใหญ่ของท่านก็ได้รับการสนับสนุนพยายามคิดแนวทางและคิดนโยบายหลายอย่างเพื่อทำให้สภาฯ ของพวกเราเป็นสภาของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง
ขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลที่ตลอดระยะเวลาการทำหน้าที่ของตนถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง แต่ส่วนตัวตนมั่นใจว่าตนทำถูกต้อง
ขอบคุณที่ทุกคำวินิจฉัยของตนได้รับความเคารพได้รับความเชื่อถือจากเพื่อนสมาชิกทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจริงๆ ไม่ใช่เคารพในตัวตน แต่เคารพในองค์กรของเรา เคารพคนที่ทำหน้าที่เป็นประธานฉะนั้นขอบคุณเพื่อนสมาชิกทั้ง 495 คน
ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ เลขาธิการสภาฯ รองเลขาฯ ผอ. ผบ. รวมถึงพี่น้องข้าราชการทั้งหมดที่ได้ช่วยกันผลักดันงานต่างๆให้เดินมาถึงวันนี้จะพูดว่าสำเร็จลุล่วงก็ยังไม่สำเร็จลุล่วงเสียทั้งหมด
เช่นเดียวกัน ขอบคุณพรรคภูมิใจไทยไม่มีพวกเขาก็ไม่มีรองประธานอย่างตนเขาสนับสนุนทุกการทำหน้าที่ของตน วันที่มาดำรงตำแหน่งเขาก็มาส่ง วันนี้เปลี่ยนตำแหน่งเขาก็มารับตนกลับบ้าน
ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ติดตามการทำหน้าที่ ไม่ใช่ของตนแต่ของสภาผู้แทนราษฎรและขอให้ติดตามการทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรต่อไปนี่คือเสาหลักอีกเสาหนึ่งของประเทศนี้ที่จะทำงานแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ติดตามให้กำลังใจ
ท้ายที่สุดฝากถึงผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่สองต่อจากตนยังมีอีกหลายภารกิจที่ตนได้รับมอบหมายมาแล้วยังทำไม่เสร็จ อาทิ พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต พิพิธภัณฑ์ของประชาชนที่เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนทั่วไปได้ร่วมเป็นเจ้าของกับสภาฯ ของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุดก็ฝากให้ดำเนินการต่อไป
"วันที่เข้ารับตำแหน่งผมได้ประกาศไว้ว่าจะไม่เป็นรองประธานของรัฐบาล ไม่เป็นรองประธานของพรรคภูมิใจไทย แต่ผมจะเป็นรองประธานสภาของสมาชิกทั้ง 495 คน วันนี้เวลา9เดือน8วัน เชื่อว่าสังคมได้พิพากษาผมแล้วว่าตลอด9เดือนที่ผ่านมา ผมได้ทำหน้าที่อย่างที่ผมได้ประกาศเอาไว้หรือไม่ พี่น้องประชาชนเป็นคนตัดสินเป็นคนพิพากษา วันนี้ผมขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่สองและคืนอำนาจให้กับสภาผู้แทนราษฎรเพื่อสรรหาผู้ที่มีความเหมาะสมเพื่อที่จะมาทำหน้าที่นี้ต่อไป"