วันนี้ (14 มิถุนายน 2561) เวลา 17.00 น. ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ อู วิน มยิน (H.E. U Win Myint) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (Official Visit) และร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ โดยมีการตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ เมื่อเสร็จสิ้นพิธี นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ได้เข้าหารือข้อราชการ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ภายหลังเสร็จสิ้นหารือข้อราชการระหว่างผู้นำของทั้งสองฝ่าย นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ร่วมหารือข้อราชการเต็มคณะ ณ ตึกภักดีบดินทร์ สรุปผลการหารือดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 8 ด้วย โดยการเยือนครั้งนี้มีความหมายต่อสองประเทศเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการเยือนทางการระดับทวิภาคีต่างประเทศครั้งแรกหลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่มีความใกล้ชิดและแน่นแฟ้น และเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายติดตามความก้าวหน้าของความร่วมมือ และพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติ (Natural Strategic Partnership) ให้ใกล้ชิดและตอบสนองผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเสริมความร่วมมือและผลักดันการพัฒนาตามแนวชายแดนและความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนไปด้วยกัน โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องในการจัดกิจกรรมในโอกาสครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ไทย - เมียนมา อาทิ การแสดงทางวัฒนธรรม การสัมมนาทางวิชาการ และนิทรรศการแสดงภาพเขียนของศิลปินแห่งชาติไทยและเมียนมา เป็นต้น
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมากล่าวว่า ไทยและเมียนมาเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำระดับสูงมาอย่างสม่ำเสมอ มีความร่วมมือระหว่างกันในหลากหลายมิติ และกลไกความร่วมมือในระดับต่าง ๆ มีส่วนช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ เมียนมายังแสดงความพร้อมในการจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทวิภาคี (JC) ไทย – เมียนมา ครั้งที่ 9 (ระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) ในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อมุ่งสร้างผลประโยชน์ให้ทั้งสองประเทศ
ผู้นำไทยและเมียนมาต่างเน้นย้ำถึงความร่วมมือเพื่อการพัฒนาตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ โดยจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนตามแนวชายแดนและสามารถพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับผู้หนีภัยการสู้รบกลับเมียนมาให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมากล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาตามแนวชายแดน รวมทั้งช่วยให้ชาวเมียนมาเดินทางกลับประเทศโดยสวัสดิภาพ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังยินดีที่เมียนมาประสงค์ให้ไทยเข้าไปดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ในเมียนมา จึงขอให้สองฝ่ายหารือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้โครงการมีความคืบหน้าและตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง และไทยพร้อมสนับสนุนความร่วมมือ ด้านการเกษตรและสาธารณสุข
ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ทั้งสองฝ่ายยินดีที่มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการค้าชายแดน และจะแสวงหามาตรการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมแม่สอด–เมียวดี ให้เป็นพื้นที่นำร่อง ซึ่งทั้งสองฝ่ายขอให้มีการหารือในรายละเอียดต่อไป นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียินดีที่เมียนมาออกกฎหมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกการลงทุนจากต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น จึงขอให้เมียนมาช่วยดูแลภาคเอกชนไทยที่เข้าไปลงทุนในเมียนมา และไทยยินดีส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยเข้าไปลงทุนในเมียนมาเช่นกัน นอกจากนี้ ผู้นำไทยและเมียนมาต่างเล็งเห็นถึงศักยภาพของความร่วมมือในโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย การเชื่อมโยงเส้นทางอย่างไร้รอยต่อ การเปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มเติมที่ด่านสิงขรและด่านห้วยต้นนุ่น ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้ไทยและเมียนมา ยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและวัฒนธรรมของทั้งสองฝ่ายมากยิ่งขึ้น
สำหรับความร่วมมือด้านแรงงาน นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยจะดูแลแรงงานทุกประเทศอย่างดีที่สุดเพราะแรงงานต่างชาติมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของไทยเช่นกัน นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐและนายหน้าจัดหางานที่กระทำความผิดเข้าข่ายการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาต่างยินดีที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันเร่งรัดกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานเมียนมา และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันส่งเสริมแรงงานเข้ามาทำงานในไทยผ่านความตกลงฯ (MoU) ในกรอบรัฐต่อรัฐอย่างจริงจังต่อไป
ในช่วงท้าย ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันถึงความร่วมมือในกรอบพหุภาคี โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณเมียนมาที่สนับสนุนร่างแผนแม่บท ACMECS และปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) ซึ่งจะมีการรับรองในการประชุม ACMECS วันที่ 16 มิ.ย. นี้ และขอให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันสานต่อข้อตกลงต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อในทุกมิติ ทั้งด้านกายภาพและกฎระเบียบ นอกจากนี้ ในโอกาสที่ไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีหน้า ไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับเมียนมาและประเทศสมาชิกอาเซียนก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งของความเป็นหุ้นส่วนกับประชาคมโลก
หลังจากเสร็จสิ้นหารือเต็มคณะ ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ร่วมแถลงข่าวถึงผลการหารือระหว่างไทยและเมียนมา ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทั้งในมิติความสัมพันธ์ เศรษฐกิจ ความร่วมมือตามแนวชายแดน ความร่วมมือด้านแรงงาน และความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ก่อนจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล