สวัสดีครับทุกท่านในช่วงเวลาที่เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ภาพถ่าย วิดีโอ หรือสื่อต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นจาก AI ก็มีความสมจริงจนแทบแยกไม่ออก โลกออนไลน์จึงเต็มไปด้วย "ภาพปลอม" หรือ Deepfake ที่ดูน่าเชื่อถือ ทำให้พี่น้องประชาชนหลายท่านอาจตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง ถูกทำให้หลงเชื่อข้อมูลผิด ๆ หรือที่ร้ายแรงกว่านั้นคืออาจเผลอนำภาพเหล่านั้นไปใช้ในการกลั่นแกล้ง หรือละเมิดสิทธิผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ
ในโลกดิจิทัลทุกวันนี้ บนหน้าฟีดในสื่อสังคมออนไลน์มีเนื้อหา ภาพ คลิปวิดีโอหา เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งไม่รู้เนื้อหาไหนจริง เนื้อหาไหนหลอก ในฐานะที่เราต้อง "เท่าทันต่อโลกดิจิทัล" วันนี้ผมมีคำแนะนำง่าย ๆ 4 ข้อ เพื่อให้ทุกท่านใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบสื่อออนไลน์ก่อนที่จะกดแชร์หรือหลงเชื่อครับ
วิธีที่ 1 คือ มองหา "ความผิดปกติ" ของภาพที่ AI มักพลาด ซึ่งแม้ AI จะเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังมีจุดบกพร่องที่มักจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ลองสังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มนุษย์เรามองข้ามไปได้ง่ายๆ ดังนี้
ให้สังเกต มือและนิ้ว เป็นจุดที่ AI สร้างได้ยากที่สุด ลองนับจำนวนนิ้วมือดูว่าเกิน 5 นิ้วหรือไม่ หรือลักษณะการบิดเบี้ยว การเชื่อมต่อของนิ้วดูแปลกประหลาดผิดธรรมชาติหรือไม่
ดวงตาและการสะท้อน ภาพที่สร้างโดย AI บางครั้งจะมีดวงตาที่ไม่สมมาตร (ข้างหนึ่งเล็ก อีกข้างใหญ่) หรือไม่มีการสะท้อนของแสงในดวงตาอย่างเป็นธรรมชาติ
ฉากหลังและวัตถุ: พื้นผิว ฉากหลัง หรือลายผ้า อาจมีลวดลายที่ซ้ำกันอย่างผิดปกติ หรือมีวัตถุเล็ก ๆ น้อยๆ (เช่น แว่นตา, ต่างหู, ฟัน) ที่มีรูปร่างบิดเบี้ยวไม่สม่ำเสมอ
วิธีที่ 2 ใช้เครื่องมือช่วยตรวจสอบ (Reverse Image Search) ถ้าหากไม่แน่ใจว่าภาพนั้นจริงหรือไม่ อย่าเพิ่งเชื่อ ให้ใช้เทคโนโลยีช่วยตรวจสอบย้อนกลับ โดยใช้ Google Lens หรือเครื่องมือค้นหารูปภาพย้อนกลับ นำภาพที่สงสัยไปค้นหาใน Google Lens หรือ Bing Image Search เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยค้นหาว่าภาพนี้เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน หากพบภาพเดียวกันบนเว็บไซต์ข่าวที่น่าเชื่อถือ หรือแหล่งต้นฉบับที่เป็นทางการ ก็มีแนวโน้มว่าภาพนั้นเป็นของจริง แต่หากพบเพียงภาพเดียวจากบัญชีผู้ใช้ที่ไม่รู้จัก หรือเพิ่งอัปโหลดมาไม่นาน ก็ควรระวังไว้ก่อน
วิธีที่ 3 ตรวจสอบ "แหล่งที่มา" และ "บริบท" ของสื่อ ให้ดูว่าใครเป็นคนเผยแพร่...? ภาพนี้มาจากบัญชีที่น่าเชื่อถือหรือไม่...? เป็นสำนักข่าว องค์กร หรือบุคคลที่มีตัวตนจริงหรือไม่...? หากมาจากบัญชีปลอม บัญชีที่เพิ่งสร้าง หรือบัญชีที่ตั้งชื่อแปลก ๆ ก็ไม่ควรไว้วางใจ
อีกทั้งดูว่ามีข้อมูลอื่นสนับสนุนหรือไม่...? ข่าวหรือเรื่องราวที่มาพร้อมกับภาพนั้น มีแหล่งข้อมูลอ้างอิงอื่นๆ หรือไม่...? หากเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไม่มีสำนักข่าวใดๆ พูดถึงเลย มีเพียงภาพจากบัญชีเดียวเท่านั้น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจไม่จริง
วิธีที่ 3 วิธีสุดท้าย ให้สังเกต "ความรู้สึกร่วม" และ "ภาษา" ที่ใช้ในการนำเสนอ โดยให้สังเกตภาษาที่ใช้ว่ามุ่งเน้นการกระตุ้นอารมณ์หรือไม่...? ข่าวปลอมหรือภาพ AI ที่สร้างขึ้น มักจะใช้ภาษาที่เกินจริง ชวนให้โกรธ เกลียด หรือรู้สึกสงสารอย่างรุนแรง เพื่อให้คนรีบแชร์ออกไปโดยไม่ทันคิด หากสื่อใดที่กระตุ้นอารมณ์มากเกินไป ควรสงบสติและตรวจสอบอย่างรอบคอบ
ซึ่งข้อควรระวังที่สุด อย่าตกเป็น "เครื่องมือ" ในการทำร้ายผู้อื่น เพราะบนโลกออนไลน์ควรเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ แต่ภาพ AI ที่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การตัดต่อเพื่อสร้างความเสียหายให้กับบุคคลอื่น หรือการนำไปใช้กลั่นแกล้งเพื่อนฝูง ถือเป็นการกระทำที่ ผิดกฎหมายและเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง
ให้จำไว้ว่าอย่ากดแชร์หากไม่มั่นใจ 100% การแชร์ภาพปลอมหรือภาพ Deepfake เท่ากับเรากำลังเป็นส่วนหนึ่งในการขยายความเสียหายนั้น
ให้ตั้งสติและไตร่ตรอง ก่อนจะใช้ภาพใด ๆ ไปล้อเลียนหรือตำหนิใคร ขอให้คิดถึงผลกระทบในชีวิตจริงของเขาและเราเอง
โดยการรู้ทันและระมัดระวังในการรับและส่งต่อสื่อดิจิทัล คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดให้กับตัวเราเองและสังคมครับ