นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้เชิญตัวแทนสถาบันการเงิน สถาบันเกษตรกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) โดยมีประเด็นการหารือ 2 เรื่อง ประกอบด้วย 1. ขอให้สถาบันการเงิน สถาบันเกษตรกร ชะลอการดำเนินคดีทางกฎหมายแก่สมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ทุกกรณี ซึ่งในวันนี้มีการพิจารณา 20 รายที่เตรียมดำเนินคดี โดยสรุปว่ามี 15 รายที่ไม่ได้รับหนังสือขอให้ชะลอหนี้ตามเงื่อนไข แต่อีก 5 รายตรวจสอบพบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์และไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมตามที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ จึงให้สถาบันการเงินดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และ 2. การหารือแนวทางการบริหารและจัดการการซื้อหนี้ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ โดยขอให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทบริหารสินทรัพย์ สุขุมวิท จำกัด รับซื้อหนี้จากเกษตรกรอีก 1,500 ราย ที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ ตามประกาศคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอขึ้นทะเบียนหนี้เกษตรกร ปี 2561 ก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือรายละเอียดกับ 2 บริษัทข้างต้น
“คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ เตรียมรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรต่อคณะรัฐมนตรี โดยสามารถดำเนินการให้เกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว วงเงินรวม 10,200 ล้านบาท 3,600 ราย ส่วนเกษตรกรอีก 1,500 รายที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ ไม่สามารถดำเนินการได้ตามระเบียบฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทบริหารสินทรัพย์ สุขุมวิท จำกัด ให้มารับซื้อหนี้ วงเงิน 2,000 กว่าล้านบาทเพิ่มเติม”
สำหรับเกษตรกรที่มีสิทธิยื่นคำขอขึ้นทะเบียนหนี้ต้องมีคุณสมบัติ คือ 1. เป็นเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด 2. เป็นสมาชิกองค์กรเกษตรกร 3. มีหนี้ที่เกิดจากการทำเกษตรกรรม 4. เป็นหนี้ในระบบตามที่กฎหมายกำหนด หนี้โครงการส่งเสริมของรัฐ หนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินประเภทธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หรือนิติบุคล และหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันเกษตรกร โดยเปิดให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม – 13 ตุลาคม 2561 เป็นระยะเวลา 60 วัน ที่สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรทั่วประเทศ