นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่ภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนมะพร้าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ และชาวสวนจังหวัดภาคใต้อีกหลายจังหวัดขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคามะพร้าวผลตกต่ำ โดยมีการกล่าวหาว่า เป็นผลมาจากมะพร้าวนำเข้าจากต่างประเทศ ว่า กรมฯ ได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า อาจมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เพราะเมื่อพิจารณาสถิติการนำเข้าในช่วง 8 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-ส.ค.) มีการนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศปริมาณ 195,303 ตัน ลดลง 27.03% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการนำเข้า 268,672 ตัน ซึ่งการนำเข้าอาจจะไม่ใช่สาเหตุหลักตามที่กลุ่มเกษตรกรมีความเข้าใจ
ทั้งนี้ ปัญหาที่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวได้รับความเดือดร้อนจากราคามะพร้าวตกต่ำ อาจมีความเป็นไปได้ว่ามะพร้าวที่สร้างความเดือดร้อนอยู่ในท้องตลาด เป็นมะพร้าวที่มีแหล่งที่มาไม่ถูกต้อง ซึ่งกรมฯ ได้ประสานไปยังกรมศุลกากร เพื่อให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการนำเข้ามะพร้าวแล้ว และที่ผ่านมา ก็ได้มีการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด โดยตั้งแต่เดือนพ.ค.2561 กรมการค้าภายใน ได้ประสานกรมศุลกากร เพื่อเพิ่มความเข้มงวด ตรวจสอบ ปราบปรามการลักลอบนำเข้ามะพร้าวเถื่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ผลิตมะพร้าวในประเทศ
ส่วนข้อเรียกร้องให้ภาครัฐชะลอการนำเข้ามะพร้าว ทั้งมะพร้าวผล น้ำกะทิ และมะพร้าวขาวแช่แข็งจากต่างประเทศ กรมฯ ได้รับทราบและตระหนักถึงความเดือดร้อนของเกษตรกร และได้พิจารณาเพื่อหามาตรการดูแลอย่างต่อเนื่อง แต่ในประเด็นการใช้มาตรการห้ามนำเข้า พบว่า จะเป็นการขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) จึงได้พิจาณาแนวทางออกอื่น ซึ่งพบว่าสามารถที่จะนำมาตรการที่มิใช่ภาษีเข้ามาใช้ในการชะลอการนำเข้าได้
สำหรับการเสนอให้ภาครัฐ กำหนดราคากลางของมะพร้าว กรมฯ ขอเรียนว่า ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของกรมฯ จึงไม่สามารถดำเนินการได้ ขณะที่การเสนอให้ทบทวนระเบียบการนำเข้า ที่ต้องการให้มีแต่อุตสาหกรรมน้ำกะทิเป็นผู้นำเข้าและต้องแนบข้อมูลการนำเข้าย้อนหลัง 2 ปี และกำหนดบทลงโทษผู้กระทำผิดเงื่อนไขการนำเข้านั้น กรมฯ จะส่งให้ทั้ง 2 เรื่องนี้ ให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณากำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธินำเข้าและเกณฑ์การออกหนังสือรับรอง รวมถึงกำหนดบทลงโทษต่อไป