-ตลอดเวลา 365 วันของปีที่ผ่านมา ท่านมีชีวิตลอดมาและมีโอกาสได้ต้อนรับปีใหม่ ใน พ.ศ.2559นี้
ถือว่าท่านเป็นบุคคลผู้โชคดี เพราะบางท่านต้องจากเราไปในห้วงเวลาที่ผ่านมา ขอพวกเราผู้โชคดีได้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่
-สำหรับปีที่ผ่านมาประวัติศาสตร์ไทย และวงการคณะสงฆ์ต้องจารึกและจดจำว่า วันที่ 16 ธันวาคม 2558 เป็นวันพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ เมรุหลวงวัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหารซึ่งพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศต่างก็ได้น้อมถวายอภิสัมมานสักการะแด่พระองค์เป็นครั้งสุดท้ายนับแต่นี้เป็นต้นไปคงเหลือแต่พระเกียรติคุณความดีของพระองค์ท่านที่จะอยู่คู่กับสังคมไทยตลอดไป
- เพื่อเป็นการถวายความอาลัยแด่พระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย เราชาว อปท.นิวส์จึงขอน้อมนำบทนิพนธ์ของพระองค์ท่านในเรื่อง “ชีวิตนี้น้อยนัก” บางช่วงบานตอนมานำเสนอต่อท่านผู้อ่านเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตในปี พ.ศ.2559 นี้ ซึ่งพระองค์ได้ยกเอาพุทธศาสนาสุภาษิตบทหนึ่งมาเป็นบทนำว่า
“ อัปฺปกญฺจิทํ ชีวิตมาหุธีรา ปราชญ์กล่าวว่าชีวิตนี้น้อยนัก”
พระองค์ได้ขยายความว่าทุกชีวิต ไม่ว่าคนไม่ว่าสัตว์ มิได้มีเพียงเฉพาะชีวิตนี้ คือมิได้มีเพียงชีวิตในชาตินี้ชาติเดียว แต่ทุกชีวิตมีทั้งชีวิตในชาติอดีต ชีวิตในชาติปัจจุบัน และชีวิตในชาติอนาคต “ชีวิตนี้น้อยนัก”หมายถึงชีวิตในชาติปัจจุบันน้อยนัก สั้นนัก ชีวิตคืออายุ ชีวิตในปัจจุบันชาติของแต่ละคนอย่างยืนนานก็เกินร้อยปีได้ไม่เท่าไหร่ ซึ่งก็ดูราวเป็นอายุที่ไม่ยืนมากนัก แม้ไม่นำไปเปรียบเทียบกับชีวิตที่ต้องผ่านมาแล้วในอดีตที่นับชาติไม่ถ้วนนับปีไม่ได้ และชีวิตที่จะต้องเวียนวนเกิดตายต่อไปอีกในอนาคตที่จะนับชาติไม่ถ้วน นับปีไม่ได้อีกเช่นกันที่ปราชญ์ท่านว่า “ชีวิตนี้น้อยนัก”นั้น ท่านมุ่งให้เปรียบเทียบกับชีวิตนี้กับชีวิตในอดีตที่นับชาติไม่ถ้วน และชีวิตในอนาคตที่จะนับชาติไม่ถ้วนอีกเช่นกัน สำหรับผู้ไม่ยิ่งด้วยปัญญา ไม่สามารถพาตนพ้นทุกข์สิ้นเชิงได้
-ทุกชีวิตก่อนแต่จะได้มาเป็นคนเป็นสัตว์อยู่ในปัจจุบันชาติต่างเป็นอะไรต่ออะไรมาแล้วมากมาย แยกออกไม่ได้ว่ามีกรรมดีกรรมชั่วอะไรบ้าง ทำกรรมใดก่อน ทำกรรมใดหลัง ทั้งกรรมดีกรรมชั่วที่ทำไว้ในชาติอดีตทั้งหลาย ย่อมมากมายเกินกว่าที่ได้มากระทำในชาตินี้ ชีวิตนี้อย่างประมาณไม่ได้ และกรรมดีกรรมชั่วทั้งหลายเหล่านั้นย่อมให้ผลตรงตามเหตุทุกประการ แม้ว่าผลจะไม่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันทุกสิ่งทุกอย่าง และไม่อาจเรียงลำดับตามเหตุที่ได้กระทำแล้วก็ตาม แต่ผลทั้งหลายย่อมเกิดแน่ แม้เหตุได้กระทำแล้ว
-มีเหตุย่อมมีผล - เมื่อเมื่อทำเหตุย่อมได้รับผล และผลย่อมตรงตามเหตุเสมอ ผู้ใดทำผู้นั้นจักเป็นผู้รับผล เที่ยงแท้แน่นอน”
-นี่คือบทนิพนธ์บางตอนของพระองค์ท่าน ที่เราชาว อปท.นิวส์เห็นว่า เป็นบทนิพนธ์ที่ทรงคุณค่ายิ่งและเข้ากับสถานการณ์ อีกทั้งยังเป็นการถวายอภิสัมมานสักการะแด่พระองค์เป็นครั้งสุดท้ายที่พระองค์ท่านได้ใช้ชีวิตที่พระองค์เห็นว่า น้อยนักบนโลกใบนี้ ด้วยการบำเพ็ญกรณียกิจอันยิ่งใหญ่ เป็นประโยชน์ต่อวงการพระพุทธศาสนาทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นอเนกอนันต์ตลอดชีวิตของพระองค์ท่าน
-เมื่อปีพ.ศ. 2558 ผ่านพ้นไป ปีพ.ศ. 2559 ได้ย่างก้าวเข้ามาแทนที่ กาลเวลาได้หมุนไปตามวงโคจรของโลกในระบบสุริยะจักรวาล แต่กาลเวลาที่ผ่านพ้นไปนั้นไม่ได้ผ่านพ้นไปเฉย ๆ แต่ได้กลืนกินสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ไปด้วยทั้งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตล้วนตกอยู่ภายใต้กฎของไตรลักษณ์เช่นกันหมด คือ
-“อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความทุกข์ และอนัตตา ความไม่ใช่ตัวตนของเรา”ที่ชาวพุทธต่างเข้าใจในหลักแห่งสัจธรรมข้อนี้ดี
- เราชาว อปท.นิวส์ ทุกคนต่างตระหนักในชีวิตที่ว่า น้อยนิด และทุกคนก็ตกอยู่ภายใต้กฎแห่งสัจธรรมความไม่เที่ยงแท้แน่นอน ว่าเราจะอยู่ได้อีกนานสักเท่าใด ก็ไม่มีใครทราบ แต่ที่สำคัญเรามีปณิธานที่แน่วแน่ที่จะทำสื่อให้มีคุณภาพ และนำเสนอข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
-บทบาทของเราในด้านศาสนาและวัฒนธรรมเราได้ใช้หน้า 7 ทั้งหน้าของ อปท.นิวส์ในการนำเสนอข่าวสารที่เป็นสารเกี่ยวกับศาสนาและวัฒนธรรมภายใต้คอลัมน์ว่า “วิถีธรรม วิถีพุทธ” โดยได้นำเสนอมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 และจะดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง
-ตลอดปี 2558 ที่ผ่านมาเราได้ร่วมมือกันจัดทำหนังสือชื่อ “องค์กรคณะบริหารสงฆ์2558” เป็นหนังสือขนาดความหนา 98 หน้า ที่ได้รวบรวมสารเกี่ยวกับ ความเป็นมาของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย โครงสร้างการบริหารคณะสงฆ์ ประวัติเจ้าคณะภาคต่าง ๆ ทั้งฝ่ายมหานิกายและฝ่ายธรรมยุต ความเป็นมาของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและทำเนียบผู้บริหารของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อถวายแด่คณะสงฆ์มอบและบอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อสืบสานปณิธานในการสนับสนุนส่งเสริม และเผยแผ่หลักธรรมและกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาในอีกช่องทางหนึ่งด้วย
-ที่สำคัญยิ่งเราชาว อปท.นิวส์ได้รับความเมตตาอนุเคราะห์เป็นอย่างดียิ่งจากบรรดาพระมหาเถระทั้งหลายในฝ่ายบริหารองค์กรคณะสงฆ์ที่ท่านได้ให้ความอนุเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ และข้อเสนอแนะที่ทรงคุณค่าในการทำงานจนทำให้หนังสือเล่มดังกล่าวออกมาได้สมบูรณ์ที่สุด สิ่งที่เราชาว อปท.นิวส์ภูมิใจและถือเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานในครั้งนี้คือได้รับความเมตตาอนุเคราะห์บท“ อนุโมทนากถา” จากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญป.ธ. 9) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และ เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต (จุนท์พฺรหฺมคุตโต ป.ธ.9) รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม และรักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุตจนทำให้หนังสือเล่มนี้ทรงคุณค่าและสมบูรณ์ที่สุด
-และอีกท่านหนึ่งที่มีส่วนสำคัญยิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้สำเร็จลงได้คือ นายพนม ศรศิลป์ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และทีมงานของท่านที่ให้การสนับสนุนทั้งงบประมาณและข้อมูลต่าง ๆ ในการจัดพิมพ์ทำให้หนังสือเล่มนี้มีทั้งสารและข้อมูลที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นใช้ประโยชน์เป็นคู่มือทางการบริหารงานคณะสงฆ์ได้เป็นอย่างดี
-ปี พ.ศ. 2559นอกจากนี้ยังมีส่วนราชการและองค์กรเอกชนอีกหลายแห่งที่มีส่วนสนับสนุนทั้งงบประมาณและข้อมูลอาทิบริษัท คอนเชิร์ฟ สยาม จำกัด วัดโพรงอากาศ ต.โพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา โครงการเสาหลักเพื่อแผ่นดิน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพอ.) บริษัท เซนต์เมดิคอล(คริติคอลแคร์) จำกัด รวมทั้งเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เราต้องอาศัยข้อมูล ทั้งภาพและเนื้อหาในการจัดทำ จึงถือว่าทุกท่าน ทุกองค์กรที่กล่าวต่างมีส่วนร่วนในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาร่วมกันนี้เป็นผลงานส่วนหนึ่งในปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมาก้าวต่อไปของเราคือการจัดตั้งมูลนิธิ เพื่อเป็นสะพานบุญ –สะพานธรรม ให้ทุกท่านได้มีโอกาสเข้ามาร่วมในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ร่วมกันในนามมูลนิธิ “มูลนิธิหนังสือพิมพ์องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หรือมีชื่อย่อว่า “มอปท” ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาตจดทะเบียนต่อนายทะเบียน มูลนิธิดังกล่าวนี้ จัดตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์และเจตนามุ่งมั่นในการทำนุบำรุง และเผยแผ่พระพุทธศาสนา และบำเพ็ญสารณประโยชน์ต่าง ๆ ไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองไม่ว่ารูปแบบใด ๆ