นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การแก้ไขปัญหาค่าโง่ทางด่วนดอนเมืองโทลเวลล์ ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่รัฐจะต้องจ่ายค่าโง่จากกรณีที่กลุ่มบริษัทดอนเมืองโทลเวลล์ (วอเตอร์ บาว บริษัทผู้ร่วมทุน)ไปฟ้องต่อ คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยเป็นฝ่ายแพ้จะต้องเสียค่าโง่จำนวน 1,200 ล้านบาท อ้างเหตุที่ฟ้องเนื่องจากรัฐบาลไม่ยอมให้ขึ้นค่าทางด่วนตามที่บริษัทเอกชนร้องขอว่าเป็นไปตามสัญญา ซึ่งรัฐบาลในช่วงปี 2549 และอีกชุดคือในปี 2550 ได้อนุมัติให้แก้ไขสัญญาโดยการเยียวยาให้ขึ้นค่าทางด่วนจาก 43 บาทเป็น 100 บาท (ในปัจจุบัน) โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องถอนฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการทุกกรณี แต่กลับปรากฏว่าบริษัทเอกชนไม่ได้ถอนคำฟ้องต่อคณะอนุญาโตตุลาการตามที่มีการทำสัญญาว่า เมื่อเพิ่มค่าทางด่วนให้แล้วบริษัทเอกชนจะต้องถอนฟ้องดังกล่าว เรื่องนี้ภาคประชาชนโดยมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคและประชาชนได้นำเรื่องนี้ขึ้นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง และศาลปกครองกลางได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 18 ส.ค.2558 พิพากษาว่าการขึ้นราคาค่าทางด่วน จาก 43 บาทเป็น 100 บาทของบริษัททางด่วนดอนเมืองโทลเวลล์นั้น ถือว่าเป็นสัญญาที่ทำเพิ่มขึ้นโดยมิชอบ ให้ถือเป็นอันยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่แก้ไขสัญญาและให้กลับไปใช้สัญญาเดิมคือเก็บค่าผ่านทางในราคา 43 บาท ซึ่งเป็นระยะทางที่กำหนดในสัญญาเดิม โดยสัญญานี้หมดอายุในปี 2557
นายชาญชัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลว่า ขอให้ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางเพื่อให้เรื่องนี้ยุติและเป็นการรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนผู้ใช้ถนน หรือทางด่วน ทั้งยังเป็นการแก้ไขปัญหาความเสียหายของประชาชนและรัฐที่จะต้องชดใช้แพงเกินกว่าเหตุ ขอให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยขอให้ถอนคำอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดโดยเร็วที่สุดเพื่อให้เป็นธรรมต่อประเทศไทยและพี่น้องประชาชน ถ้าไม่กระทำภายใน 15 วันนับจากนี้ ตนจะทำหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ให้รับทราบว่า มีเรื่องนี้เกิดขึ้นและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ทั้งที่มีคำพิพากษาของศาลปกครองกลางรองรับแล้ว แต่รัฐบาล คสช. มิได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของสาธารณะเป็นหลัก กลับคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเอกชนมากกว่าผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนนับล้านคน ที่ใช้ทางด่วนสายนี้ในแต่ละวัน ทั้งนี้ หากคำนึงถึงสัญญาเดิมที่สิ้นสุดลงเมื่อปี 2557 ก็ถือว่าทางด่วนสายนี้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐไทยแล้ว รัฐบาลนี้สามารถเปิดให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศใช้ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าผ่านทางด้วย โดยไม่ได้เป็นการละเมิดหรือ ทำผิดสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ใช่การยึดกิจการหรือทรัพย์สินของบริษัทเอกชนแต่อย่างใด ตนจะแถลงข่าวเตือนนายกฯ ประยุทธ์เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้จะนำสัญญาและสำนวนการสอบสวนต่างๆไปให้นายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องคือ กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นและกระทรวงคมนาคมในฐานะผู้กำกับดูแลรับผิดชอบกรมทางหลวง ในฐานะผู้ทำสัญญาที่เสียค่าโง่ให้กับบริษัทเอกชน ทั้งที่ไม่ควรจะเสียค่าโง่และภาษีของประชาชน โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่รัฐและผลประโยชน์โดยรวมของชาติ เพราะกรณีนี้มีประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนที่รับผลกระทบนับจำนวนนับล้านคนต่อวัน