ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงกรณี ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับเรื่องวินิจฉัยชี้ขาดสูตรคำนวณ ส.ส.บัญขีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง หรือ กกต.ส่งให้วินิจฉัย ว่า ตนคิดว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาค่อนข้างชัดเจน แปลออกมาง่ายๆ เป็นภาษาชาวบ้านได้ว่า “นี่มันหน้าที่ กกต. จะมาถามศาลฯทำไม” ซึ่งก็ตรงกับสิ่งที่ตนคิด และสงสัยมาตั้งแต่ทราบว่า กกต.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทุกอย่างที่ กกต.ต้องทำ ถูกกำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในรัฐธรรมนูญไว้หมดแล้ว ก็แค่เพียงทำตามเท่านั้น มิจำเป็นต้องตีความใดๆ อีก ซึ่งเป็นสิ่งที่ กกต.ควรจะทราบตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้งแล้ว การประวิงเวลาเช่นนี้ ทำให้ประชาชนคิดได้ว่า กกต.ตั้งใจหาทางตีความกฎหมายเพื่อเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ ในเมื่อ กกต.ที่มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง เป็นกรรมการไม่เข้าใจกติกา แล้วจะมาเป็นกรรมการได้อย่างไร แล้วประชาชนจะเชื่อใจ เชื่อถือการวินิจฉัย ตัดสินต่างๆ จาก กกต.ได้จริงหรือ เนื่องด้วยหลังจากนี้ หน้าที่ กกต.ยังไม่จบ นอกจากทำผลการเลือกตั้งให้ปรากฏแล้ว ยังต้องมีการรับรอง ส.ส. การแจกใบแดง ใบเหลือง ใบส้ม หาก กกต.ไม่สามารถวินิจฉัยเรื่องหนึ่งได้ แล้วอีกเรื่องจะสามารถทำได้จริงหรือ ก็เป็นข้อสงสัยของประชาชน
ดร.รยุศด์ กล่าวอีกว่า ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือนเต็มหลังจากวันเลือกตั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นความชัดเจนของรัฐบาลใหม่ ไม่ชัดเจนแม้กระทั่งผลการเลือกตั้ง หรือกระทั่งวิธีนับคะแนน สะท้อนประสิทธิภาพการทำงานของ กกต. ทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะซ้ำรอยการเลือกตั้งปี 2549 และ2557 ที่เกิดการโมฆะ และทำให้ กกต.ต้องติดคุก หนึ่งเดือนที่ผ่านมา กกต.ก็ตกเป็นจำเลยสังคมมามากแล้ว แต่หลังจากนี้ ตนเกรงว่า กกต.จะยิ่งตกเป็นจำเลยสังคมหนักกว่าที่ผ่านมา หากยังไม่สามารถทำให้ประชาชนเห็นถึงความสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรมได้ ขอแค่เพียง กกต.อดทนให้มาก อย่าถอดใจไปก่อน เพราะตนมีความกังวล และหวั่นใจว่า กกต. อาจชิงลาออกไปก่อนหากทนแรงกดดัน และรับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ไหว ส่งผลทำให้การเลือกตั้งไม่ครบองค์ประกอบ เพราะขาดผู้ที่มาจัดการเลือกตั้ง และอาจจะทำให้การเลือกตั้งเกิดปัญหากลายเป็นโมฆะได้ในที่สุด ซึ่งกรณีนี้ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้