นายกีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA เปิดเผยผล การจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2020) ในการประชุมผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล (Teleconference) จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่งที่ MEA สามารถรักษาตำแหน่งความสะดวกด้านการขอใช้ไฟฟ้าที่รวดเร็วเป็นอันดับที่ 6 ของโลก ช่วยยกระดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจประเทศไทยเป็นอันดับที่ 21 ของโลก เลื่อนขึ้นถึง 6 อันดับจากปีที่ผ่านมา
ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA กล่าวว่า MEA เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงมหาดไทย มุ่งมั่นขับเคลื่อนวิสัยทัศน์พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร ที่ให้บริการด้านจำหน่ายไฟฟ้าองค์กรเดียวของประเทศไทยที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมรับการประเมินความสะดวกด้านการขอใช้ไฟฟ้าในการจัดอันดับจากธนาคารโลก (World Bank) ที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) จาก 190 ประเทศทั่วโลก ผลการจัดอันดับประจำปี พ.ศ. 2563 พบว่า ความสะดวกด้านการขอใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยพัฒนารวดเร็วโดดเด่นขึ้นอย่างมาก โดยคะแนนการประเมินเพิ่มจาก 98.57 เมื่อปี พ.ศ. 2562 มาเป็น 98.70 ในปี พ.ศ. 2563 รักษาตำแหน่งเป็นอันดับที่ 6 ของโลก ซึ่งผลคะแนนดังกล่าว เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยยกระดับภาพรวมความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย เลื่อนขึ้นจากอันดับที่ 27 ของปี 2562 เป็นอันดับที่ 21 ของโลก ถือเป็นการเลื่อนขึ้นถึง 6 อันดับ
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คะแนนการประเมิน Doing Business ด้านการขอใช้ไฟฟ้า ประจำปี พ.ศ. 2563 เพิ่มขึ้น คือ การปรับปรุงอัตราค่าบริการต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กับ การพัฒนานวัตกรรมด้านงานบริการมากขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขอใช้ไฟฟ้าผ่านทางออนไลน์ด้วย MEA Smart Life Application และทางเว็บไซต์บริการขอใช้ไฟฟ้า M easy (เอ็ม-อีซี่) ที่ช่วยให้ผู้ที่ต้องการขอใช้ไฟฟ้ากับ MEA ไม่ต้องเดินทางมาที่ MEA เขต โดยสามารถทราบค่าใช้จ่ายได้ทันที พร้อมชำระค่าบริการได้หลายช่องทางและติดตามสถานะการดำเนินงานได้ทุกขั้นตอน ลดขั้นตอนในบริการ อีกทั้ง MEA ดำเนินโครงการขึ้นทะเบียนผู้รับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้าให้เป็นผู้ตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในที่พักอาศัยและสถานประกอบการของผู้ขอใช้ไฟฟ้าในคราวเดียวกันเพื่อความรวดเร็ว รวมถึงมีการจัดอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานการติดตั้งสายภายในให้แก่ผู้รับเหมาระบบไฟฟ้า ทั้งในกลุ่มบ้านพักอาศัย และกลุ่มธุรกิจ สร้างเครือข่ายผู้รับเหมาที่มีคุณภาพ สามารถดำเนินการติดตั้งสายไฟฟ้าภายในได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานของ MEA ที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งภาคประชาชน และภาคธุรกิจ ที่เพิ่มมากขึ้นได้เพียงพอ นอกจากนี้ MEA ยังเพิ่มตัวแทนรับชำระค่าไฟฟ้าออนไลน์ หักผ่านบัญชีบัตรเครดิตที่ทันสมัย มีการพัฒนาระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้มั่นคงและมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง มีระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System: GIS) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลแผนที่ฐานเชิงรหัส (แผนที่ดิจิทัล) มาตราส่วน 1:1000 สารสนเทศเชิงพื้นที่ (Spatial Map) ที่ทันสมัยได้มาตรฐานมีความละเอียดและแม่นยำสูงมาช่วยให้การออกแบบติดตั้งระบบไฟฟ้าสะดวกรวดเร็วเที่ยงตรง มีช่องทางติดต่อสื่อสารที่สะดวกทันสมัยดูแลผู้ใช้ไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ทำให้ MEA ยกระดับคุณภาพงานบริการได้เป็นอย่างดีสามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน