นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา ชุดที่ 1 ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราว ใต้หลักการตรงเป้าหมายจำเป็น
โดยมาตรการทางการเงิน ครม.เห็นชอบ มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟต์โลน ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยเตรียมวงเงินไว้ 150,000 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ 2% ระยะเวลา 2 ปี วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาทรายมาตรการพักเงินต้น ลดดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ แก่ลูกหนี้ ดำเนินการโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) เช่น ธนาคารออมสิน, ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และบสย.
มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้หารือกับธนาคารพาณิชย์เพื่อผ่อนปรนหลักเกณฑ์ในการอำนวยสินเชื่อของสถาบันการเงิน เพื่อให้สามารถอำนวยสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่ง ธปท.ได้ออกประกาศมาแล้วมาตรการเสริมจากสำนักงานประกันสังคม โดยเตรียมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไว้ในวงเงิน 30,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ในระยะเวลา 3 ปี ให้กู้แก่ผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานประกันสังคม "ดังนั้นจะมีสินเชื่อทั้ง 1.5 แสนล้าน ประกันสังคมให้อีก 3 หมื่นล้าน ซึ่งเป็นเงินของประกันสังคมเอง ไม่ได้ใช้งบประมาณ" นายอุตตม กล่าว
รมว.คลัง ยังกล่าวถึง มาตรการทางภาษีว่า มาตรการแรกคือ มาตรการคืนสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการในประเทศ ได้แก่ 1.มาตรการลดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้กับผู้ประกอบการเป็นการชั่วคราว เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ จาก 3% เหลือ 1.5% เริ่มเม.ย. – ก.ย. 63
2. มาตรการภาษีเพื่อลดดอกเบี้ยจ่ายให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อพิเศษ 1.5 แสนล้านบาท ด้วยการให้นำไปลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า ให้ใช้สำหรับรายจ่ายค่าดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นระหว่าง 1 เม.ย. – 31 ธ.ค. 63
3. มาตรการส่งเสริมเสถียรภาพการจ้างงานที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา โดยให้สถานประกอบการนำรายจ่าย ค่าจ้างลูกจ้างในธุรกิจที่เป็นผู้ประกันตัน มาหักรายจ่ายได้ 3 เท่า ตามเกณฑ์และวิธีการที่สรรพากรจะกำหนดขึ้นมา
4. การเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศให้เร็วขึ้น เฉพาะผู้ประกอบการที่ดี โดยหากเป็นผู้ที่ยื่นแบบชำระภาษีทางอินเตอร์เน็ต จะคืนให้ภายใน 15 วัน ส่วนการยื่นที่สำนักงานสาขาของสรรพากร จะคืนให้ภายใน 45 วัน
นายอุตตม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอื่นๆ เช่น 1. มาตรการบรรเทาการจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ, การคืนเงินประกันค่าใช้ไฟฟ้า หรือ ค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะมีการพิจารณาเงื่อนไขเหมาะสมต่อไป
2. กองทุนประกันสังคม ให้ลดการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนฯ ทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งประกันสังคมและกระทรวงแรงงานจะไปหารือกันในรายละเอียดต่อไป ซึ่งอาจจะมีระยะเวลา 3 หรือ 6 เดือน
3. มาตรการบรรเทาภาระค่าธรรมเนียม ค่าเช่า ค่าตอบแทนในรูปแบบต่างๆ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เช่น การลด ชะลอ การเก็บค่า ค่าธรรมเนียม อาทิ ค่าเช่าพื้นที่ราชพัสดุ ซึ่งกรมธนารักษ์จะพิจารณาลดค่าเช่าให้
และ 4. มาตรการช่วยเหลือตลาดทุน โดยให้ผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) สามารถนำไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นการชั่วคราวได้เพิ่มอีก 2 แสนบาท ดังนั้นจาก 2 แสนบาทเดิมก็จะเป็น 4 แสนบาท สำหรับเงินลงทุนในระยะเวลาตั้งแต่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย.63 โดยอาจจะพิจารณาขยายเวลาให้อีกหากมีความจำเป็นในอนาคต