เมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา หลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย-จีน หรือ บทจ. รุ่น1 ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ภายใต้ความร่วมมือจากหอการค้าไทย-จีน และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย โดยมีรายการ จับจ้องมองจีน และ China Media Group ของจีน เป็นผู้ร่วมสนับสนุน ได้รับเกียรติจาก นายจาง หลิงฮัว (Zhang Linghua) รองประธานฝ่ายวางแผนวิศวกรรมและปฏิบัติการเครือข่าย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บรรยายหัวข้อ “AI TIDE” จัดขึ้น ณ รร.ดิเอมเมอรัลด์ รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีฟังก์ชันที่สามารถทำงานได้เหมือนกับมนุษย์ และสามารถเลียนแบบการทำกิจกรรมของมนุษย์ได้ เช่น การเรียนรู้ การวางแผน และการแก้ไขปัญหาต่างๆ เป็นตัวช่วยมนุษย์ในการคิด ซึ่งจะเน้นไปในเรื่องของการประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เพราะ AI สามารถทำงานได้รวดเร็วกว่าสมองของมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกัน AI ยังไม่สามารถทำหน้าที่ที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสได้ ทางวิทยากรเริ่มด้วยการพูดถึง AlphaFold ซึ่งเป็นโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่พัฒนาโดย DeepMind ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Alphabet ได้ใช้ AI ในการคาดการณ์โครงสร้างโปรตีน โดยใช้วิธีการทดลองระบุโครงสร้างของโปรตีนประมาณ 170,000 ชนิดในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา AlphaFold ได้ฝึกอบรมโปรแกรมเกี่ยวกับโปรตีนมากกว่า 170,000 ชนิดจากธนาคารข้อมูลโปรตีน และอัปโหลดโครงสร้างของโปรตีนประมาณ 200 ล้านชนิดจาก 1 ล้านสายพันธุ์ไปยังฐานข้อมูล ซึ่งครอบคลุมโปรตีนที่รู้จักเกือบทุกชนิดบนโลกใบนี้ นอกจากนี้ยังยกตัวอย่าง Tsinghua Agent hospital โรงพยาบาล AI แห่งนี้จําลองกระบวนการทางการแพทย์ทั้งหมด รวมถึงการคัดกรอง การลงทะเบียน การให้คําปรึกษา การตรวจ การวินิจฉัย การรักษา และการติดตามผล ปัจจุบันการวินิจฉัยของแพทย์ AI เปิดให้ประชาชนทั่วไปทราบ อัตราความแม่นยําสําหรับโรคระบบทางเดินหายใจสูงถึง 93.06%

อีกตัวอย่างที่พูดถึงคือ Transformer ที่เปิดตัวโดยนักวิจัยของ Google ในปี 2019 ซึ่งเป็นฐานของ Open GPT (Open Generative Pre-trained Transformer) สถาปัตยกรรม Transformer มีความเชี่ยวชาญในการประมวลผลข้อมูลข้อความที่มีลักษณะตามลําดับ ใช้ลําดับของข้อความเป็น Input และสร้างลําดับข้อความอื่นเป็น Output กลไกความสนใจของ Transformer และความสามารถในการประมวลผลข้อมูลแบบควบคู่กันมาให้ประสิทธิภาพการคํานวณที่สําคัญ ซึ่งจําเป็นสําหรับการประมวลผลแบบเรียลไทม์ในยานยนต์ไร้คนขับ Transformers มีความสําคัญมากขึ้นในการขับขี่อัตโนมัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการคาดการณ์ การวางแผน และการตัดสินใจ ความก้าวหน้านี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สําคัญไปสู่โมเดลโครงข่ายประสาทเทียมเชิงลึก

แบบ end-to-end ที่รวมไปป์ไลน์การขับขี่อัตโนมัติทั้งหมด ครอบคลุมการรับรู้การวางแผนและการควบคุมในระบบรวม การขับขี่อัตโนมัติ ขณะนี้Tesla ใช้ Full Self-Driving (FSD) Tesla แทนที่โมเดล AI ตั้งแต่ Transformer ไปจนถึงโมเดลการแพร่กระจายแฝง แบบจําลองการแพร่กระจายมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างภาพและเสียงคุณภาพสูงโดยการเรียนรู้การกระจายข้อมูลพื้นฐาน โมเดลการแพร่กระจายทํางานเหมือนศิลปินที่เริ่มต้นด้วยผืนผ้าใบเปล่าและค่อยๆเพิ่มรายละเอียดจนกระทั่งผลงานชิ้นเอกปรากฏขึ้นโดยยังคงใช้ QKV และกลไกความสนใจระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ทํางานในเครื่องบนอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน โดยไม่จําเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ระบบเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อประมวลผลข้อมูลและทํางาน AI ทั้งหมดบนอุปกรณ์ แทนที่จะพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ภายนอกหรือบริการบนคลาวด์ ในขณะเดียวกันการใช้ AI ผ่านอินเทอร์เน็ตก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ตอนนี้เราสามารถสร้าง AI ของเราเองในเครื่องได้ ลองนึกภาพการแชทกับผู้ช่วย AI เพื่อขอความช่วยเหลือในการเขียนอีเมลโดยไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลจะออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณ ทั้งนี้วิทยากรมองว่า ในปัจจุบันพลังการคํานวณของ AI จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ 20 เดือน ความก้าวหน้าของ AI จึงเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในปี 2024 และกําลังวิ่งไปข้างหน้า โดยได้รับพลังเป็นสองเท่าทุก ๆ หกเดือน จึงเป็นสิ่งที่ผู้บริหารทุกคนควรให้ความสนใจ