นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนเมษายน 2564 ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กลับเพิ่มสูงขึ้นในเดือนเมษายน ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม อยู่ที่ระดับ 46.0 ต่ำสุดในรอบ 22 ปี 7 เดือน

นอกจากนี้ ประชาชนยังมีความกังวล เกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองและสถานการณ์ทางการเมือง ทั้งนี้หากประชาชนยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้แนวโน้มดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคมนี้ะลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน หากยังไม่มีการกระจายวัคซีนโควิด-19 อย่างทั่วถึง และมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมด้านเศรษฐกิจ ประชาชนจับจ่ายน้อยลงเหลือประมาณร้อยละ 10 ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าคงทนถาวร เช่น ที่อยู่อาศัย รถยนต์ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวลดลง สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ประมาณ 300,000-450,000 ล้านบาทต่อเดือน ดังนั้นการตรวจในเชิงรุกและควบคุมผู้ติดเชื้อให้ลดลงภายในเดือนพฤษภาคมนี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ยังเปิดเผยถีงมาตรการเยียวยาด้านเศรษฐกิจ วงเงิน 240,000 ล้านบาท ว่า จะมีการใช้จ่ายภายในไตรมาสที่ 2 เกี่ยวกับมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า และขยายโครงการ "เราชนะ" "ม33เรารักกัน"รวมถึง มาตรการด้านสินเชื่อ รวมแล้วประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 หากมีการกระจายเม็ดเงินผ่านโครงการคนละครึ่งภายในเดือนมิถุนายนนี้ ประกอบกับรัฐบบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพหรือมีเม็ดเงินกระจายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างน้อย 500,000-600,000 ล้านบาท ควบคู่กับควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2564 ขยายตัวอยู่ในกรอบที่ร้อยละ 2.5-3.0