ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
ไทยนิยม ยั่งยืน : Housing for All คนไทยทุกคนมีบ้าน/คุณภาพชีวิตที่ดี ปี 2579
13 ก.ย. 2561

หน่วยงานสำคัญอีกแห่งของรัฐบาล คสช. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี กำลังขับเคลื่อนตามโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย (ปี2560 -2579) และเดินไปตามแผนยุทธศาสตร์การเคหะแห่งชาติ 5 ปี (2561-2565) นั่นคือ คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่ว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 (Housing for All) ดังนั้น การขับเคลื่อนในเรื่องที่อยู่อาศัยให้กับคนไทยทั้งประเทศจึงเป็นภารกิจหลักในยามนี้

จากการรวบรวมโครงการสร้างบ้านให้กับประชาชนในรูปแบบต่างๆ ของการเคหะแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2560 ถึงปัจจุบัน พบว่า การเคหะแห่งชาติได้ดำเนินงานพัฒนาที่อยู่อาศัยควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง รวมทั้งสิ้น จำนวน 724,985 หน่วย ประกอบด้วย โครงการบ้านเอื้ออาทร 278,602 หน่วย โครงการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด 233,964 หน่วย โครงการเคหะชุมชนฯ 158,834 หน่วย โครงการเคหะข้าราชการ 50,108 หน่วย โครงการสำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 2,374 หน่วย โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ 845 หน่วย และโครงการแก้ไขวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ 258 หน่วย โดยมีแผนการขับเคลื่อนที่อยู่อาศัยในปี 2560 ต่อเนื่องปี 2561 ที่สำคัญ ได้แก่

1. โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง มุ่งเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้อยู่อาศัยในชุมชนทุกขั้นตอน โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2559 เห็นชอบหลักการแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ.2559 - 2567) เพื่อจัดสร้างอาคารพักอาศัย จำนวน 36 อาคาร รวม 20,292 หน่วย แบ่งการก่อสร้างเป็น 4 ระยะ ใช้เวลา 8 ปี พร้อมทั้งอนุมัติการจัดสร้างอาคารพักอาศัยระยะที่ 1 แปลง G จำนวน 334 หน่วย เพื่อรองรับการโยกย้ายของผู้อยู่อาศัยเดิมในแฟลตที่ 18 - 22 ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จแล้ว สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561เป็นต้นไป

2. โครงการบ้านเคหะประชารัฐ เพื่อส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากสถาบันการเงินในอัตราดอกเบี้ยเงื่อนไขผ่อนปรนพิเศษ ในปีงบประมาณ 2560 การเคหะแห่งชาติได้นำโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมขาย และโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างมาเปิดให้ประชาชนได้จับจอง ตั้งเป้าหมายขาย 10,470 หน่วย สามารถขายได้ 16,495 หน่วย สำหรับปีงบประมาณ 2561 ตั้งเป้าหมายขาย 13,301 หน่วย ปัจจุบันขายได้ 4,650 หน่วย

3. โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยของหน่วยงานรัฐ เพื่อเป็นสวัสดิการที่อยู่อาศัยและสร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการ โดย ครม. มีมติเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2560 อนุมัติให้ดำเนินโครงการบ้านสวัสดิการข้าราชการ (เช่าซื้อ) จำนวน 2 โครงการ ในพื้นที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดปัตตานี รวมทั้งสิ้น 606 หน่วย ขณะนี้มียอดซื้อโครงการบ้านสวัสดิการข้าราชการจังหวัดสงขลา 491 หน่วย และโครงการบ้านสวัสดิการข้าราชการจังหวัดปัตตานี 89 หน่วย

นอกจากนี้ จะดำเนินการนำเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติจัดทำโครงการบ้านสวัสดิการข้าราชการ (เช่าซื้อ)รวมทั้งสิ้น 2,004 หน่วย ภายในเดือนสิงหาคม 2561 รวมทั้งจะดำเนินการจัดสร้างโครงการบ้านข้าราชการ (บ้านหลวง) โดยจะเสนอ ครม. พิจารณาโครงการของกรมประชาสัมพันธ์ จำนวน 192 หน่วย ภายในปี 2561

4. โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน เป็นโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติดำเนินการแล้ว รวมทั้งสิ้น 34,394 หน่วย โดยมีหน่วยก่อสร้างแล้วเสร็จสะสมรวม 13,119 หน่วย สำหรับปีงบประมาณ 2561 จะเริ่มก่อสร้าง 39 โครงการ 6,755 หน่วย และจะดำเนินการขออนุมัติอีก 17 โครงการ 5,597 หน่วย อยู่ระหว่างนำเสนอขอความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม.

5. โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ โครงการระยะที่ 1 ได้แก่ โครงการประชานิเวศน์ 3 จำนวน 556 หน่วย ซึ่งได้รับอนุมัติจาก ครม. เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 จะเริ่มก่อสร้างในปี 2561 จำนวน 286 หน่วย ขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจจอง 318 หน่วย ส่วนโครงการลำลูกกา คลอง 2 จำนวน 820 หน่วย อยู่ระหว่างนำเสนอรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการระยะที่ 2 จำนวนประมาณ 3,000 หน่วย อยู่ระหว่างทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนโครงการ (PPP) ในที่ดินของการเคหะแห่งชาติบริเวณเคหะชุมชนร่มเกล้า กรุงเทพฯ

6. โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ได้มีที่อยู่อาศัยประเภทเช่าที่ได้มาตรฐาน ถูกสุขลักษณะ และมีสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2560 ครม. ได้อนุมัติการจัดทำโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 1 จำนวน 14 โครงการ 4,388 หน่วย หลังจากนั้นได้อนุมัติการจัดทำโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 2 จำนวน 3 โครงการ รวม 494 หน่วย ปัจจุบันได้ผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการแล้ว โดยจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2561 สำหรับปีงบประมาณ 2561 จะจัดทำโครงการอาคารเช่าอีก 6,948 หน่วย คาดว่าจะนำเสนอ ครม. ภายในเดือนกันยายน 2561

7. โครงการที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุที่มีรายได้ปานกลาง (Senior Complex) เพื่อส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันครอบครัว โดยบุตรหลานมีโอกาสได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย ดูแลบุพการี และผู้สูงอายุ โดยคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติเห็นชอบในการจัดทำโครงการบ้านเคหะกตัญญู (คลองหลวง 1 และ 2) จำนวน 360 หน่วย เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอขอความเห็นจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติมีเป้าหมายดำเนินการจัดทำโครงการ Senior Complex ใน 3 พื้นที่ คือ พื้นที่คลองหลวง 1 และ 2 จังหวัดปทุมธานี จำนวน 360 หน่วย พื้นที่ตำบลท่าตำหนัก อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม จำนวน 360 หน่วย และพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

8. โครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 มี 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมร่มเกล้า โครงการเชิงพาณิชย์ในโครงการเคหะชุมชนเชียงใหม่ (หนองหอย) โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 3 และ 4 รองรับผู้อยู่อาศัยใหม่ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสวัสดิการข้าราชการปทุมธานี (ลำลูกกา) และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสวัสดิการข้าราชการสมุทรปราการ (บางเสาธง)

9. โครงการพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ โดยปีงบประมาณ 2560 มีเป้าหมายปรับปรุงสภาพแวดล้อมชุมชนที่อยู่ในความดูแล 100 ชุมชน ปรับปรุงสภาพแวดล้อมชุมชนแล้วเสร็จ 137 ชุมชน สำหรับปีงบประมาณ 2561 ตั้งเป้าหมายปรับปรุงสภาพแวดล้อมชุมชน จำนวน 100 ชุมชน 30,000 หน่วย

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...