หนังสือพิมพ์ People’s Daily รายงานว่า รัฐบาลจีนได้มีความพยายามที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ทำให้การเติบโตของรายได้เฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นในสองปีหลังนี้แม้ว่าเศรษฐกิจของจีนจะชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่ปีมานี้

                หลังจากมีการประชุมใหญ่สมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนสมัยที่ 18 รัฐบาลจีนได้ทุ่มเทให้กับการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนโดยมุ่งเน้นไปที่การศึกษา การจ้างงาน ความปลอดภัยทางสังคม รายได้ และการรักษาพยาบาล นโยบายเหล่านี้จะดำเนินการโดยลดรายจ่ายของรัฐบาลออก และนำมาใช้ลงทุนเพื่อสนับสนุนนโยบายดังกล่าวนี้

                ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้กล่าวในฐานะเลขาธิการพรรคเป็นครั้งแรกในการประชุมใหญ่สมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนไว้ว่า “เราต่อสู้เพื่อการที่ประชาชนมีความปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น” ซึ่งคำกล่าวนี้เป็นเครื่องช่วยยืนยันถึงความต้องการที่จะรับใช้ประชาชนของรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน

                ในปี 2015 ด้วยอัตราการเติบโตของจีดีพีที่ช้าลง 6.9% แต่รายได้ต่อหัวของประชากรกลับเพิ่มขึ้นถึง 7.4% เมื่อเทียบกับปี 2014 ยิ่งไปกว่านั้นอัตราการเติบโตของรายได้ของประชาชนในชนบทในระยะหลังนี้ กลับมีค่าสูงกว่าประชากรในเมืองเสียอีก

                ตัวอย่างของการแก้ปัญหาความยากจนได้แก่ หมู่บ้านลั่วถัววาน ในเมืองฝูผิง มณฑลเหอเป่ย ซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านที่ยากจนขนาดหนัก แต่ด้วยนโยบายดังกล่าว ทำให้ถาง หยงปิน ชาวบ้านในหมู่บ้านดังกล่าวสามารถรีโนเวทบ้านของเขาจากบ้านอิฐธรรมดากลายมาเป็นอพาร์ตเมนต์ได้ก่อนช่วงตรุษจีนที่จะมาถึง

                การปฏิรูปการศึกษาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีการบังคับใช้ การศึกษาภาคบังคับ 9 ปี ได้ขยายตัวไปถึง 93% จากจำนวนเด็กในวัยเรียนในปี 2015 และการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษามีค่าสูงถึง 40%  ซึ่งค่าทั้งสองต่างก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และประเทศรายได้สูงทั้งสิ้น นอกจากนี้ตัวเลขดังกล่าวยังสูงจนถึงเป้าที่ตั้งไว้ว่าจะไปถึงในแผนปฏิรูปการศึกษาระดับชาติปี 2020 แล้วอีกด้วย

                การเผชิญหน้ากับแรงกดดันทางเศรษฐกิจนั้น ในช่วงสามปีมานี้ รัฐบาลจีนได้นำเสนอนโยบาย เพื่อผลักดันการจ้างงาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งในปี 2015 ประเทศจีนจะมีการสร้างตำแหน่งงานใหม่กว่า 13.12 ล้านในเขตตัวเมือง และจะลดจำนวนคนว่างงานในเขตตัวเมืองให้ต่ำกว่า 4.5%

นอกจากนี้ ชาวจีนที่ลงทะเบียนประกันสุขภาพ ครอบคลุมมากกว่า 95% ของจำนวนประชากรทั้งหมด โดยหลี่ ชาวฉวิน ชาวเทศบาลเมืองฉงชิง เป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายทางสุขภาพดังกล่าว กล่าวว่า “เมื่อ 10 ปีที่แล้วผมป่วยเป็นโรคตับ และได้กู้ยืมเงินจำนวนพันหยวนเพื่อจ่ายค่ารักษา” และเสริมต่อว่าขณะนี้เขาสามารถทำการรักษาต่อโดยที่ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีกต่อไป

               ขอขอบคุณนโยบายดังกล่าวทั้งหมด ที่ช่วยให้อายุขัยของชาวจีนในปี 2015 ยืนยาวขึ้นมากกว่าปี 2010 ไปอีก 1 ปี