ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม ย้อนกลับ
พพ.เดินหน้าสร้างโซลาร์ลอยน้ำที่เขื่อนบ้านพลวงอีก 15 เมกะวัตต์ หวังแก้ปัญหาเกษตรกรขาดแคลนน้ำเพิ่มขึ้น
10 ก.ค. 2566

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเตรียมเดินหน้าสร้างโซลาร์ลอยน้ำที่เขื่อนบ้านพลวงอีก 15 เมกะวัตต์ หลังโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล ช่วยแก้ไขปัญหาเกษตรกรขาดแคลนน้ำ ทั้งยังผลิตไฟฟ้ารวมแล้วกว่า 57 ล้านหน่วย จำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบสร้างรายได้มากกว่า 160 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกกว่า 108,000 ไร่

ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เปิดเผยภายหลังนำสื่อมวลชนเดินทางตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการน้ำ ณ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล จ.จันทบุรี ว่า โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล ดำเนินการโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน พพ. เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2532 ก่อแล้วเสร็จปี 2559  เป็นโครงการเอนกประสงค์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยการจัดหาแหล่งเก็บกักน้ำไว้เพื่ออุปโภค บริโภค  ตลอดจนการเกษตรและผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำเสริมเข้าระบบจ่ายพลังงานของประเทศ

ลักษณะโครงการประกอบด้วยการก่อสร้างเขื่อน 2 แห่ง ก่อสร้างกั้นคลองทุ่งเพล ในเขตอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี และเขื่อนบ้านพลวง (เขื่อนล่าง) ก่อสร้างกั้นคลองพลวงในเขตอำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี เป็นโครงการสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรแก่เกษตรกรส่วนใหญ่ของจังหวัดจันทบุรี สามารถส่งน้ำเพื่อการเกษตรครอบคลุม 4 ตำบล คือ ตำบลพลวง ตำบลตะเคียนทอง(บางส่วน) ในเขตอำเภอเขาคิชฌกูฏ (ระบบส่งน้ำเพื่อการเกษตรฝั่งตะวันตก) และตำบลวังแซ้ม ตำบลฉมัน ในเขตอำเภอมะขาม (ระบบส่งน้ำเพื่อการเกษตรฝั่งตะวันออก) รวมประมาณ 25 หมู่บ้าน 2,580 ครัวเรือน

รวมทั้งสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังน้ำได้ประมาณปีละ 10 ล้านหน่วย ผลิตไฟฟ้ารวมแล้วกว่า 57 ล้านหน่วย รายได้มากกว่า 160 ล้านบาท และพื้นที่เพาะปลูกกว่า 108,000  และช่วยลดการสูญเสียในระบบสายส่งไฟฟ้า และเสริมสร้างความมั่นคงในระบบสายส่งของประเทศ

ซึ่งพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนบ้านพลวง (เขื่อนล่าง) ยังมีแผนที่จะดำเนินระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำกับพลังน้ำ (ระยะที่ 1) จำนวน 5 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างของบประมาณประจำปี 2567 และเพื่อเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยให้เกิดประโยชน์สูงสุดผลิตไฟฟ้าตามศักยภาพและความเหมาะสมของอ่างเก็บน้ำสามารถติดตั้งระบบกำลังผลิตรวม 44 เมกะวัตต์ โดยดำเนินการในปี 2565-2573 แต่ตามแผน PDP ได้เสนอแผนดำเนินการจำนวน 15 เมกะวัตต์ กำหนด COD ภายในปี 2570

สำหรับแนวทางการส่งเสริมพลังงานทดแทนระดับชุมชน โดยเฉพาะพลังงานน้ำขนาดเล็ก พพ.ได้บรรจุอยู่ในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือ AEDP เพื่อเสริมระบบความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว และที่สำคัญพลังงานน้ำไม่มีต้นทุนด้านเชื้อเพลิง และน้ำก็ยังสามารถกลับมาใช้ได้ต่อเนื่อง รวมทั้งการบริหารจัดการที่จะให้ประโยชน์ด้านการเกษตร และช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น

โดยขณะนี้ พพ.ได้ดำเนินโครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก จำนวน 26 โครงการ รวมกำลังผลิต 77,285 กิโลวัตต์ และโครงการที่จะดำเนินการก่อสร้าง ในปี 2568 – 2570 อีกจำนวน 3 โครงการ รวมกำลังผลิต 2,456 กิโลวัตต์

ทั้งนี้ พพ.ยังมีแผนที่จะดำเนินโครงการระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำกับพลังน้ำ (โซลาร์ลอยน้ำ Floating Solar Farm) เป็นการใช้พื้นที่ผิวน้ำบริเวณอ่างเก็บน้ำของ พพ.ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้า ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กของ พพ.ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กคิรีธาร,โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กคลองทุ่งเพล,โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กห้วยประทาว-เขื่อนล่าง,โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กห้วยประทาว-เขื่อนบน, โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กแม่มาว, โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กแม่สาบ,โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กกลุ่มน้ำน่านตอนบน, โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กแม่สะงา และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กห้วยแม่ผง รวมกำลังผลิต 63.43 MW ภายในปี 2573  ซึ่งปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการดำเนินการของบประมาณแผ่นดิน ปี 2567

โดยหลังจากได้รับงบประมาณแล้ว พพ.จะดำเนินการจัดทำรายงาน COP และ ESA สำหรับขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หลังจากนั้นจึงดำเนินการเตรียมพื้นที่และเตรียมอุปกรณ์การก่อสร้าง สำหรับงานก่อสร้าง ติดตั้งเครื่องจักร และอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้า ทดสอบอุปกรณ์และทดสอบระบบ จนกระทั่งผลิตไฟฟ้าและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ภายใน พ.ศ 2568

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 พฤษภาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...