สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังคงจัดการประชุมเพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานในรอบสัปดาห์ โดยในวันนี้ พลเอก พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม ซึ่งให้ความสำคัญกับการเตรียมสนับสนุนงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในทุกมิติ โดยขณะนี้ทุกส่วนงานกำลังอยู่ระหว่างการซักซ้อมการปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมาย รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้กำชับให้ดำเนินการซักซ้อมอย่างรอบคอบให้เกิดความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ รวมทั้งเรื่องความปลอดภัยที่ต้องกำกับดูแลให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ในส่วนของการสมัครเข้าร่วมงานโครงการจิตอาสาเฉพาะกิจ ช่วงงานพระราชพิธี ทั้งในส่วนของข้าราชการและประชาชน ขอให้ร่วมสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีในวาระอันสำคัญยิ่ง
รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังได้กล่าวถึงงานที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเข้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดระเบียบรถบริการสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว, การแก้ไขปัญหารุกล้ำพื้นที่สาธารณะคลองลาดพร้าว ชุมชนป้อมมหากาฬ, การเร่งกำจัดผักตบชวา ปรับปรุงแหล่งน้ำ และสนับสนุนการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐ ภารกิจเหล่านี้เป็นสิ่งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้ความสำคัญเพราะช่วยแก้ไขปัญหาของสังคมและบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน ได้กำชับให้คงระดับมาตรฐานการปฏิบัติงาน กำกับดูแลไม่ให้มีการแสวงประโยชน์ในทางมิชอบ เพื่อให้งานจัดระเบียบสังคมในลักษณะดังกล่าวเกิดความมั่นคงในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตามในช่วงฤดูฝนนี้การเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์อุทกภัย หรือการป้องกันและรับมือกับปริมาณน้ำจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้ความรวดเร็วเข้าคลี่คลายสถานการณ์ ขอให้ทุกส่วนร่วมกันบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วย
นอกจากนี้ในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งจะมีการโยกย้ายผู้ปฏิบัติงานและการสับเปลี่ยนกำลังของหน่วยงานด้านความมั่นคง รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติกำชับให้ทุกหน่วยได้ให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานการปฏิบัติงานให้เข้มแข็ง มีการหมุนเวียนกำลังพลไม่ให้เกิดการอ่อนล้า ระมัดระวังการเคลื่อนย้ายหน่วยให้เป็นไปตามหลักการ มีความปลอดภัยและที่สำคัญขอให้กำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนและจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการปฏิบัติงานด้วย ส่วนงานด้านความมั่นคงในภาพรวม ยังคงมีความจำเป็น
ที่จะต้องติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศ อาทิ คาบสมุทรเกาหลี สถานการณ์ในรัฐยะไข่ โดยเฉพาะกองกำลังชายแดน ขอให้เข้มงวดในมาตรการลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่ที่อาจมี
ผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรือมีผู้โยกย้ายถิ่นฐานทางทะเลอย่างไม่ปกติ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย รวมทั้งการติดตามเรื่องร้องเรียนที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนโดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค ภายใต้กลไกการคลี่คลายปัญหาของส่วนราชการ