ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.เชิญเป็นแขก ย้อนกลับ
สุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ สภาทนายความ
15 ก.ย. 2566

ทนายความ เป็นอีกอาชีพที่คนไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมากมาอย่างช้านานแล้ว เพราะเป็นอาชีพที่สามารถช่วยเหลือผู้คนได้ในวันที่ต้องการความยุติธรรม และบางครั้งก็อาจสร้างเม็ดเงินได้เป็นกอบเป็นกำอีกด้วย ทำให้หลายคนเบนเข็มมาเป็นนักว่าความหรือทนายความ

แต่ในความเป็นจริง การเป็นทนายนั้นมีบททดสอบอยู่ นั่นคือความซื่อสัตว์สุจริตและจริยธรรมที่มั่งคง ยึดมั่นในความถูกต้องและศรัทธาในหลักกฎหมายอย่างแท้จริง บางคนอาจมีชั่วโมงบินไม่มากพอ รีบร้อนใจที่อยากจะเป็นทนาย ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการว่าความ รวมไปถึงอาจเกิดความโลภขึ้นได้ ซึ่งทำให้เส้นทางอาชีพทนายความ อาจมืดมนลงได้

วันนี้อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก จึงอยากเล่าตำนานที่มีอยู่จริงกับสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ สภาทนายความ อายุ 60 กว่าปี ทนายมือหนึ่งของประเทศไทย ผู้ทำคดีดังๆ มาแล้วมากมาย ซึ่งตลอดชีวิตการเป็นทนายมากว่า 32 ปี ไม่เคยถูกร้องเรียงมรรยาททนายความเลย และยังเป็นอีกหนึ่งทนายน้ำดีที่อดีตเคยเป็นเด็กวัด ประกอบกับเป็นคนมุ่งมั่นและไขว้คว้าหาความรู้ในการเป็นทนายความและเคารพในครูบาอาจารย์ และศึกษาจากอาจารย์ จนทำให้คุณสุชาติเป็นหนึ่งในทนายที่เป็นต้นแบบของ ทนายความที่ดีนั้นเป็นอย่างไร

คุณสุชาติเริ่มต้นเล่าว่าเขาเกิดที่จังหวัดลพบุรีตอนอายุ 8 ขวบก็ไปเติบโตที่จังหวัดสิงห์บุรีและโชคดีที่มีพระมาขอรับอุปการะและพาไปอยู่ที่วัดศรีจุฬามณีทำให้มีโอกาสได้ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดศรีจุฬามณี ที่จังหวัดสิงห์บุรี ทำให้ได้กินนอนกับวัด และเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดตั้งแต่เด็ก แต่เนื่องจากทางโรงเรียนมีถึงแค่ประถมศึกษาปีที่ 4ต่อมาเลยได้ไปเรียนถึงประถมศึกษาปี 5-7 ที่โรงเรียนวัดศรีวินิตวิทยาคม (วัดโพธิ์ศรี) ก่อนจะไปเรียน ม.ศ.1-3 ที่โรงเรียนอินทร์บุรี โดยคุณโก๋ บอกอีกว่า

“พอจบ ม.ศ.3 หลวงพ่อก็ได้พาผมมาฝากไว้ที่วัดเขมาภิรตาราม เพื่อเรียน ม.ศ.4-5 หลังจากเรียนจบแล้วก็ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ เมื่อปี 2525 ก็อาศัยอยู่ที่วัด เมื่อเรียนจบก็ได้ไปฝึกทนายความจนกระทั่งจนปี 2534 ก็ได้ใบอนุญาตทนายความ”

เริ่มแรกในเส้นทางทนายความนั้นคุณสุชาติ บอกว่า ช่วงปี 2535-36 ได้ไปเป็นที่ปรึกษากฎหมายบ้านจัดสรร โครงการนครทองปาร์ควิว ซึ่งขณะที่เป็นทนายความก็ช่วยงานกิจกรรมของสภาทนายความจังหวัดนนทบุรีด้วย โดยได้ดำรงตำแหน่ง รองประธานสภาทนายความจังหวัดนนทบุรี 2 สมัย ซึ่งหลังจากนั้นได้ลงชิงตำแหน่งได้เป็นประธานสภาทนายความจังหวัดนนทบุรีเป็นถึง 2 สมัย หลังจากครบวาระ 6 ปีแล้ว ได้ลงสมัครกรรมการบริหารสภาทนายความ โดยที่มีสัก กอเรืองแสง เป็นนายกสภาทนายความ ซึ่งตัวเขาได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหารสภาทนายความภาค 1 อีก 2 สมัย คือในยุคของ สัก กอเรือง และ เดชอุดม ไกรฤทธิ์

“หลังจากนั้นก็หยุดงานบริหารสภาทนายความมา 6 ปี จนกระทั่งปีที่แล้วได้ลงเลือกตั้งในตำแหน่งกรรมการสภาทนายความก็ได้รับเลือกตั้ง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอุปนายก ฝ่ายกิจการพิเศษสภาทนายความฯมีหน้าที่บริหารดูแลเรื่องเกี่ยวกับมรรยาททนายความและสำนักงานไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของสภาทนายความ”คุณสุชาติ กล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

คุณสุชาติ บอกต่อว่า การดูแลเรื่องเกี่ยวกับมรรยาททนายความ คือการควบคุมความประพฤติของทนายความ โดยตอนที่ตัวเขาได้เข้ามาในตำแหน่งนี้ ก็มีคดีเก่าคั่งค้างเยอะมาก และได้พยายามสะสางให้รวดเร็วนอกจากนี้ ได้แก้ไขข้อบังคับในการสอบมรรยาททนายความให้กระชับและรวดเร็วขึ้น เพื่อประโยชน์ของทนายความและประชาชนที่ได้รับความเสียหาย

ซึ่งตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดทนายหน้าสื่อ ออกมาให้ความเห็นต่างๆ ในลักษณะ ผิดๆ ถูกๆ สร้างความปั่นป่วนให้กับสังคม ซึ่งเป็นการทำหน้าที่เกินเลยจากการเป็นทนายความ ทำให้มีความพยายามเร่งรัดจัดระเบียบ และดำเนินการกับทนายความที่ออกนอกลู่นอกทาง หรือทะเลาะกันหน้าสื่อ รวมไปถึงไม่ปฏิบัติตามมรรยาทหรือจริยธรรมทนายความ เพื่อกู้สักศรีทนายความให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน ซึ่งช่วงหลังจะเห็นได้ว่าเริ่มเงียบๆ ไปมากแล้ว

ด้านผลงานเด่นๆ ของคุณสุชาตินั้นถือได้ว่ามีมากมาย อาทิ ทำคดีใหญ่ให้กับเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล เป็นคดีปกครองระหว่างบริษัทไททีวี จำกัด กับคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) เป็นคดีดังระดับประเทศและเป็นคดีประวัติศาสตร์เป็นทนายความให้กับ คณิตตา กรรณสูตร คดีครอบครองงาช้าง ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้อง นอกจากนี้ได้เป็นทนายความให้กับอุษามณี พูลเกิด หรือ ขวัญ อุษามณี ดาราสาวชื่อดัง           นอกจากนี้เคยเป็นทนายความคืนความยุติธรรมให้กับครู 9 คน ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จังหวัดสระแก้ว ที่โดนคดีอาญาทุจริตจากการรับวัสดุไม่ตรงไปตามกำหนดไว้ในสัญญาแต่ได้ปกป้องผลประโยชน์ทางราชการ จนได้รับวัสดุที่มีคุณภาพดีกว่าที่ได้กำหนดไว้ เพราะเนื่องจากวัสดุตามสัญญาเป็นวัสดุที่ไม่ได้คุณภาพ คุณสุชาติก็ได้ไปต่อสู้ในศาล จนทำให้ครูทั้ง 9 คน ได้รับคำพิพากษายกฟ้องและคดีดังๆที่เป็นข่าวหลายคดี ไม่อาจกล่าวในที่นี้ได้

และจากที่คุณสุชาติได้ทำงานด้านทนายความมา 30 กว่าปีและทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ มาจากหลักคิดสำคัญคือ ยึดหลักกฎหมายเป็นสำคัญ เรามีการนำเสนอกฎหมายโดยไม่บิดเบือน และยึดมั่นในบทบัญญัติของกฎหมายก็จะทำให้ตนเองประสบความสำเร็จในสายนี้ได้อย่างยั่งยืน โดยคุณสุชาติได้ฝากไปถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่อยากเดินเส้นทางของทนายเอาไว้ว่า“หลักกฎหมายต้องแม่น จริยธรรมต้องมี”

“สำหรับเยาวชนที่ต้องการมาทำงานในด้านนี้ สิ่งหนึ่งที่ต้องมีคือความศรัทธาและความเชื่อมั่นในกฎหมาย ต่อมาคือหลักกฎหมายต้องแม่นยำ อย่าใช้กฎหมายคิดเอาเอง และต้องมีครูบาอาจารย์ เพราะเด็กปัจจุบันเมื่อได้ใบอนุญาตทนายความก็มักจะไม่มีครูบาอาจารย์ แล้วจะไปเปิดสำนักงานหรือประกาศว่าตนเองมีความรู้ความเชี่ยวชาญ แต่ในความเป็นจริง ประสบการณ์ในสิ่งที่เขาไม่ได้เรียนในตำราเยอะมาก เพราะฉะนั้นจึงควรมีครูบาอาจารย์ เป็นสิ่งสำคัญ”

คุณสุชาติได้บอกอีกว่า ปัจจุบันทนายความรุ่นใหม่ที่ได้ใบอนุญาตทนายความ ทำคดีโดยไม่มีความรู้และประสบการณ์เอาลูกความเป็นหนูลองยา ขณะที่ชั่วโมงบินในการทำงานยังไม่มากพอทำให้เกิดความเสียหายต่อลูกความ และสิ่งต่อมาที่ขาดไม่ได้ในการเป็นทนายที่ดีคือต้องรู้จักค้นคว้าหาข้อมูลและความรู้อยู่ตลอดเวลา ต้องไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว หลายคนค้นคว้าข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตแต่กลับไม่สนใจค้นคว้าหาความรู้จากครูบาอาจารย์ที่ประสบความสำเร็จในแต่ละเรื่องจึงทำให้เกิดความผิดพลาดในการทำคดี

อย่างไรก็ตาม คุณสุชาติกล่าวว่า แม้ตัวเขาจะว่าความมากว่า 30 ปี แต่ก็มีบางเรื่องที่อาจไม่เคยเจอแต่เด็กบางคนว่าความ 4-5 ปี เขาอาจได้เจอบางสิ่งที่ตนเองไม่เคยเจอก็ได้ ตรงนั้นก็เป็นครูให้เราได้ และสิ่งสุดท้ายคือต้องมีจริยธรรม ซื่อสัตว์ต่อลูกความและต้องเคารพมรรยาททนายความ ต้องรู้ว่าสิ่งใดควรทำ ไม่ควรทำและการวางตนให้มีศักดิ์ศรีรวมไปถึงต้องไม่ตระบัดสัตย์ตระบัดสินลูกค้า คือ การประกอบอาชีพโดยสุจริต ของวิชาชีพนี้

เนื่องจากอาชีพทนายความเป็นอาชีพที่น่ากลัวสำหรับคนที่มีความโลภ เพราะอาชีพนี้บางครั้งอาจได้เงินมาง่าย แต่ได้มาจากสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จนทำให้เกิดความโลภได้ หรือทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือผิดมรรยาทผิดจริยธรรม จะส่งผลกระทบต่ออาชีพนักกฎหมายสะดุดลง สิ่งที่ตัวเขาภาคภูมิใจในการว่าความนานกว่า 30 ปี ไม่เคยถูกลูกความร้องเรียนเรื่องมรรยาททนายความ ดังนั้นความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ต่อเพื่อนร่วมอาชีพ ต่อประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ อาจกล่าวได้ว่าการจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องใช้เวลา ทนายความรุ่นใหม่บางคนอาจคิดว่าเพียงแค่ 5- 6 ปี ก็ประสบความสำเร็จก็มี   ซึ่งความเป็นจริงแล้วเป็นไปได้ยาก บางคนว่าความหลายสิบปีจึงจะประสบความสำเร็จในชีวิตก็มี เป็นไปตามหลักความจริงที่ว่า ”เป็นทนายความเหมือนกัน แต่เป็นได้ไม่เหมือนกัน”

ข้อเสนอแนะควรจะฝึกกับสำนักงานที่มีคุณภาพหรือฝึกกับครูบาอาจารย์ที่มีคุณภาพ จนกว่าจะรู้สึกว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถแล้วค่อยออกมา ทนายความที่ไม่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่พอได้ใบอนุญาตทนายความ ก็เปิดสำนักงานทำเองเลย บางคนถูกร้องเรียนเรื่องมรรยาททนายความ บางคนต้องรับผิดชอบความเสียหายจากความผิดพลาด ด้วยเหตุนี้จึงควรเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่ประสบความสำเร็จ ทั้งแพ่ง อาญาหรือกฎหมายพิเศษ เพราะบางอย่างไม่ได้อยู่ในแค่ตำราเพียงอย่างเดียว ในสมัยก่อนมีคนกล่าวว่า ต้องแย่งกันถือกระเป๋า ตามหลังหัวหน้าหรือครูบาอาจารย์ เพื่อไปเก็บเกี่ยวความรู้ และศึกษาตลอดเวลาคุณสุชาติ กล่าวตอกย้ำถึงการเริ่มต้นเป็นทนายความที่ดีต้องเริ่มยังไง

ด้วยความสำเร็จในวิชาชีพจนกลายเป็นทนายมือหนึ่งของประเทศไทย คุณสุชาติ ได้กล่าวอีกว่าความสำเร็จที่มาจากปัจจุบัน มาจากแนวคิดของตนที่ก้าวทีละขั้น เรียนรู้จากครูบาอาจารย์ รวมทั้งจิตใจต้องยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต อาจเป็นความโชคดีของตน ที่เป็นเด็กวัดมาก่อน กินนอนกับวัดอยู่และได้อยู่กับพระมานานกว่า 20 ปี ทำให้ใจของเรานิ่ง ขณะเดียวกันตนก็มุ่งไขว้คว้าหาความรู้และรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าหาครูบาอาจารย์อยู่เสมอ

และจากการว่าความมานานกว่า 30 ปี ย่อมต้องเจออุปสรรคในการว่าความอยู่บ้าง ในการรับมือการทำคดีจึงต้องรู้ข้อเท็จจริงของลูกความหรือผู้มาปรึกษาความจริงเป็นอย่างไร บางครั้งคนที่มาหาเราไม่ได้พูดความจริงกับเราทำให้เวลาสู้คดีเกิดข้อผิดพลาดได้ และต้องเสาะแสวงข้อเท็จจริงให้ปรากฏขึ้นสู่ศาลให้ได้ ไม่ใช่ทำโดยมุ่งเอาชนะเพียงอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่ควรทำตัวเป็น“ตัวความ” เพราะจะทำให้เราเกิดความเครียดเมื่อเราไม่สามารถสู้คดีได้อย่างที่ตั้งใจได้ ดังนั้นให้พึงระลึกเสมอว่าทนายความคือผู้ช่วยเหลือกระบวนการยุติธรรมให้บริสุทธิ์ยุติธรรม....

 

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...