น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า จากการติดตามความคืบหน้านโยบาย “บัตรประชาชนใบเดียว รักษาได้ทุกที่” โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการ สธ. ได้ประกาศเป็นนโยบายสำคัญ ทำความเข้าใจกับผู้บริหาร สธ. เดินทางไปตรวจเยี่ยมเพื่อรับฟังปัญหาและความก้าวหน้า จนถึงเวลานี้ 4 จังหวัดนำร่องทั้ง 4 ภูมิภาค ได้แก่ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี และนราธิวาส พร้อมแล้ว 100% ที่จะเปิดให้บริการครบวงจร เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้กับประชาชน โดยวันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 จะเป็นวันเริ่มต้น (Kick off) พร้อมกัน ใช้ จ.ร้อยเอ็ด เป็นจุดเปิดนอกสถานที่และเปิดระบบออนไลน์ไปยังอีก 3 จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรี และ นราธิวาส
น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า ของขวัญปีใหม่ของ สธ. ที่ นพ.ชลน่าน และบุคลากรในสังกัด สธ.มีความยินดีและเต็มใจอย่างยิ่งที่จะมอบให้พี่น้องประชาชนครั้งนี้ ถือเป็นการปฏิรูประบบสุขภาพครั้งใหญ่ใน 2 เรื่อง คือ 1.ปฏิรูประบบข้อมูลการให้บริการครั้งใหญ่ที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อน บัตรประชาชนใบเดียวสามารถเข้าถึงการบริการได้ ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว เป็นการลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข 2.ขยายบริการที่เป็นนวัตกรรมการอำนวยความสะดวกในการรับบริการของประชาชน
“ทั้งนี้ หน่วยงานหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายให้ประสบความสำเร็จ คือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ภายใต้การกำกับของรัฐมนตรีว่าการ สธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดย สปสช.ซึ่งมีสำนักงานเขตในภูมิต่างๆ จะร่วมมือกับหน่วยงานของ สธ.ในพื้นที่ นับจากนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนเตรียมตัวเตรียมใจ หากเจ็บป่วยต้องการรับบริการตรวจรักษาและรับยา 4 จังหวัดนำร่อง พร้อมจะให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ ร้านยา ที่เข้าร่วมโครงการ” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
โฆษก สธ.ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม นพ.ชลน่านได้ฝากแสดงความชื่นชมและส่งกำลังใจไปยังบุคลากรทุกคน ทุกส่วนที่จะร่วมกันมอบสิ่งดีๆ ให้กับประชาชน โดยเฉพาะการประชุมระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทย 2566 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้ออกแถลงการณ์ 12 ข้อ ที่ประกาศจะ “ทำทันที” ในการยกระดับและขับเคลื่อนระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่ง 1 ใน 12 ข้อ ของแถลงการณ์ คือ การสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ประสบการณ์ร่วมกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ