ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
10 หลักเกณฑ์ใหม่ กรมประมง 'วางประกัน' แทนการกักเรือ ยึดเครื่องมือประมง
15 ก.พ. 2567

เปิด 10 หลักเกณฑ์ใหม่ ของกรมประมง "วางประกัน" แทนการกักเรือ เอื้อทำประมงได้ระหว่างพิจารณาคดี มีผลบังคับใช้ตั้งเเต่วันนี้ เป็นต้นไป เช็กขั้นตอน "ยื่นคำขอวางประกัน" แทนการยึดเครื่องมือทำการประมงได้ที่นี่

กรมประมง ประกาศข่าวดี เรื่องการวางประกันแทนการยึดเครื่องมือทำการประมงหรือการกักเรือประมง โดยเรือประมงที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี สามารถวางประกันแล้วนำเรือประมง เครื่องมือประมง ไปทำการประมงได้ 

สำหรับหลักประกันที่ใช้แทน ได้แก่ เงินสด ที่ดิน พันธบัตร หุ้น หรือบุคคลค้ำประกัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงที่ถูกห้ามออกทำการประมง ทำให้ชาวประมงสามารถนำเรือออกไปจับปลาหารายได้ระหว่างรอพิจารณาดำเนินคดีได้

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ตามที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายเร่งผลักดันฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมงไทยให้กลับมาเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศ และประชาชนอีกครั้ง 

โดยพร้อมสนับสนุนและปรับกลไกการทำงานแก้ไขปัญหาให้ชาวประมง มุ่งมั่นในการแก้ไขกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายให้เหมาะสม โดยเฉพาะกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อชาวประมง ที่ยังไม่สอดคล้องกับวิธีการทำประมงในปัจจุบัน เนื่องจากกฎหมายฉบับเดิมนั้น 

เมื่อเจ้าของเรืออยู่ในระหว่างพิจารณาดำเนินคดี เรือประมงจะถูกกักหรือริบเรือไว้ ทำให้ชาวประมงไม่สามารถนำเรือออกไปประกอบอาชีพได้ ส่งผลให้สูญเสียรายได้ 

ด้วยเหตุนี้ กรมประมงจึงออกประกาศ เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการวางประกันแทนการยึด เครื่องมือทําการประมงหรือกักเรือประมง พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เป็นครั้งเเรก 

เพื่อเป็นการปลดล็อกข้อจำกัด ในช่วงที่ชาวประมงออกเรือไม่ได้ โดยใช้ “การวางหลักประกัน” แทน เรือประมงที่จะต้องถูกกัก หรือ ยึด​ เป็นการช่วยให้พี่น้องชาวประมงสามารถนำเรือออกไปทำการประมงได้ ไม่สูญเสียรายได้ระหว่างช่วงพิจารณาคดี 

สำหรับหลักเกณฑ์ประกาศฉบับนี้ เจ้าของเรือสามารถยื่นคําขอวางประกัน ณ สํานักงานประมงจังหวัดในพื้นที่ที่เครื่องมือทําการประมงหรือเรือประมงถูกยึด หรือ ติดต่อเจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการเรือประมงและการทำการประมง 

กรณีเป็นเรือประมงนอกน่านน้ำ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดมาตรการ 

10 หลักเกณฑ์ใหม่ "วางประกัน" แทนการกักเรือ ยึดเครื่องมือประมง เปิดโอกาสให้สามารถทำการประมงได้ระหว่างพิจารณาคดี

โดยหลักประกันที่สามารถใช้วางประกันได้นั้น ต้องเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้   

1. เงินสด  
2. แคชเชียร์เช็ค  
3. หนังสือค้ำประกันของธนาคาร (bank guarantee)  
4. ที่ดินมีโฉนดหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์  
5. ที่ดินมีโฉนดหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์และสิ่งปลูกสร้าง  
6. ห้องชุดมีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ 
7. พันธบัตรรัฐบาลไทย  
8. หุ้นหรือหุ้นกู้ที่ออกโดยนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น 
9. หลักทรัพย์มีค่าที่กําหนดราคามูลค่าแน่นอน เช่น สลากออมสิน บัตรหรือสลากออมทรัพย์ทวีสินของ ธกส. ใบรับเงินฝากประจําธนาคาร  

ตั๋วแลกเงินที่ธนาคารเป็นผู้จ่ายและธนาคารผู้จ่ายได้รับรองตลอดไป  ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ธนาคารเป็นผู้ออก  ตั๋วเช็คที่ธนาคารเป็นผู้สั่งจ่ายและรับรองซึ่งสามารถเรียกเก็บเงินได้ในวันที่ทําสัญญาประกัน

หนังสือรับรองของธนาคารหรือบริษัทประกันภัยเพื่อชําระเบี้ยปรับแทนกรณีผิดสัญญาประกัน หรือหลักทรัพย์อื่นที่มีลักษณะทํานองเดียวกัน  
10. บุคคลค้ำประกัน ซึ่งต้องเป็นผู้มีตําแหน่งหน้าที่การงานหรือมีรายได้แน่นอน  เช่น ข้าราชการ ข้าราชการบํานาญ สมาชิกรัฐสภา ผู้บริหารท้องถิ่น เป็นต้น 

ขั้นตอนการยื่นคำขอวางประกัน แทนการยึดเครื่องมือทำการประมงหรือกักเรือประมง

 

ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งเเต่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป โดยกรมประมงเชื่อมั่นว่าประกาศฉบับนี้ จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมงได้ 

ซึ่ง กรมประมง พร้อมรับฟังและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมงอยู่เสมอ จากนี้จะเร่งดำเนินการให้ประมงจังหวัด และประมงอำเภอในพื้นที่ สร้างความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์ให้ชาวประมงได้รับทราบถึงสิทธิตามกฎหมายดังกล่าว เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาชีพประมงและด้านเศรษฐกิจของประเทศต่อไป 

โดยสามารถสแกน QR-Code หรือโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ : กองกฎหมาย กรมประมง โทร 02-561-2928 

และกองบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดมาตรการ กรมประมงโทร. 02-561-2341 , 082-649-7981 , 064-695-3360

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...