ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นไทย ย้อนกลับ
ผู้ว่าฯเชียงใหม่นำทุกภาคส่วนแก้หมอกควัน
14 ม.ค. 2559

      นำทีมเครือเจริญโภคภัณฑ์พร้อมส่วนราชการ-อปท.-ภาคประชาชน คิกออฟกิจกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าพื้นที่ “สะเมิง” 1 ใน 3 อำเภอของเชียงใหม่ที่มีปัญหารุนแรงสุด ตั้งเป้าทุกหมู่บ้านตำบลต้องลดจุด Hot spot ให้ได้ 50%
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานวันรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ โดยมีนายชาตรี กิตติธนดิตถ์ นายอำเภอสะเมิง, นายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส์ จำกัด พร้อมข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน นักเรียนนักศึกษา อสม. ตลอดจนพี่น้องประชาชนทุกหมู่บ้าน ร่วมงานเป็นจำนวนมาก 
ภายในงานนอกจากจะมีการกล่าวคำปฏิญาณแก้ต้นเหตุของปัญหาและทำคุณความดี พร้อมกับร่วมร้องเพลงปลุกกระแสสังคมให้มีส่วนร่วมแล้ว ยังมีการแสดงนิทรรศการให้ความรู้จากโครงการพระราชดำริ, การให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกพืชทดแทนช่วงภัยแล้ง เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, การถ่ายทอดความรู้และสาธิตการทำปุ๋ยหมักแบบไม่กลับกอง, นิทรรศการและสาธิตการทำปุ๋ยหมักแบบอัดแท่ง รวมทั้งการไถกลบตอซัง, นิทรรศการการเพาะเห็ดจากเปลือกข้าวโพด, นิทรรศการการผลิตเชื้อเพลิงจากต้นตอ และเปลือกข้าวโพด และนิทรรศการส่งเสริมความรู้เรื่องผลกระทบด้านสุขภาพจากสารมลพิษทางอากาศ เป็นต้น
           ทั้งนี้ หลายปีที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ประสบปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ การท่องเที่ยว และการคมนาคม ดังนั้นจึงได้มีการประกาศให้การแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า เป็นวาระจังหวัดที่ต้องบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูแล้งหรือเดือนมกราคมถึงเมษายานของทุกปี 
ซึ่งในปี 2559 ที่จะถึงนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ในพื้นที่ 3 อำเภอที่ประสบปัญหาหมอกควันและไฟป่าค่อนข้างรุนแรง คือ อำเภอเชียงดาว อำเภอแม่แจ่ม และอำภอสะเมิง กำหนดแผนปฏิบัติการห้วง 20 สัปดาห์ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 2558 - 30 เม.ย. 2559 ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนภายใต้กิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อหยุดการเผาในพื้นที่โล่ง และพื้นที่การเกษตร โดยตั้งเป้าที่จะลดจำนวนจุดความร้อน (hot spot) ทั้งจังหวัดที่เกิดขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 20 จากที่เคยเกิดขึ้นในปี 2558 และควบคุมค่าฝุ่นละอองให้อยู่ในเกณฑ์ระดับมาตรฐาน
          โดยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่อย่างยั่งยืนกับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด ในการสนับสนุนงบประมาณ และความร่วมมือด้านต่างๆ ในพื้นที่ 3 อำเภอนำร่อง เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 58 ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินการในกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของแต่ละอำเภอเป้าหมาย เช่น การสนับสนุนการเฝ้าระวังช่วง 60 วันอันตราย, การประกวดหมู่บ้านที่สามารถลดจุดความร้อน หรือ hot spot ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด, การถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามหลักวิชาการในพื้นที่อย่างถูกต้อง เพื่อพัฒนาสู่การเป็นพืชเศรษฐกิจที่ช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งรายได้ที่มั่นคงนำไปสู่ความยั่งยืนแก่เกษตรกรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
สำหรับอำเภอสะเมิง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ชุมชนการเกษตร ป่าอนุรักษ์ และพื้นที่ป่าสงวนที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาไฟป่าได้ง่าย จึงได้มีการจัดทำโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าขึ้น โดยมีกิจกรรรมที่สำคัญ คือ การรณรงค์ทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบถึงผลกระทบจากหมอกควันและไฟป่าที่ส่งผลเสียทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ มากกว่าผลที่ได้ เพื่อไม่ให้มีการเผาป่ากันอีกต่อไป, การบริหารจัดการเศษวัชพืชที่เป็นเชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดไฟป่าอย่างถูกหลักวิชาการ, จัดทำแนวกันไฟตามหมู่บ้านต่างๆ ตามความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่, ตั้งเวรยามลาดตะเวนในหมู่บ้านต่างๆ ทุกหมู่บ้าน เพื่อป้องกันการเผาป่าตลอด 24 ชั่วโมง, การตั้งหน่วยปฏิบัติการดับไฟป่ากรณีเกิดการเผาไหม้ทันทีโดยไม่เพิกเฉย     โดยจะประสานกำลังจากหมู่บ้านใกล้เคียงและส่วนราชการต่างๆ เข้าไปช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ, การสอดส่องดูแลและจับกุมผู้ฝ่าฝืนลักลอบเผาป่ามาดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมืองอย่างเข้มงวด และการสร้างเครือข่ายดำเนินการตามแนวทางในทุกหมู่บ้าน พร้อมกับจัดตั้งกองทุนป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าทุกหมู่บ้านๆ ละ 10,000 บาท โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล จะลดจุด Hot Spot ลงจากปี 2558 ลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...