นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แผนการทำงานของ ททท.มีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ซึ่งมีเรื่องที่ได้เริ่มดำเนินการไว้แล้ว อาทิ การอำนวยความสะดวกในการเข้ามาเที่ยวไทยสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะขั้นตอนในการทำวีซ่า และการเข้ามาผ่านสนามบิน อาทิ วีซ่านักท่องเที่ยวจีนแบบกรุ๊ปทัวร์ เนื่องจากต้องไม่ลืมว่าในช่วงต้นปีไทยเป็นหนึ่งใน 20 ประเทศแรกที่จีนอนุญาตให้ทำทัวร์ไปท่องเที่ยวได้ แต่ก็ติดปัญหาในเรื่องการทำวีซ่ากรุ๊ปทัวร์ที่ใช้เอกสารและเวลาในการพิจารณามากกว่าเดิม ทำให้นักท่องเที่ยวจีนยังเข้ามาเที่ยวไทยได้ไม่มากเท่าที่ควร

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้จีนเปิดประเทศอนุญาตให้ทำทัวร์จีนออกไปท่องเที่ยวได้อีก 78 ประเทศ ที่สามารถเดินทางไปได้ ทำให้ไทยอาจเสียโอกาสที่จะดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา ทำให้เราต้องเร่งรัดกระบวนการเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่จะถึงในปลายปีนี้ให้ได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการหลายราย พบว่า ตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ฟื้นตัวกลับเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้นแล้ว ยกเว้นตลาดจีนที่ยังฟื้นตัวได้น้อย ทำให้หากสามารถเร่งรัดให้ตลาดจีนฟื้นตัวขึ้นมาจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสนับสนุนท่องเที่ยวไทย และเป็นควิกวินหลักของรัฐบาลใหม่ด้วย

“เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวจีนทั้งปี 2566 ที่ตั้งไว้ 5 ล้านคน ตอนนี้ยังเชื่อว่าอย่างน้อยจะมีจีนเข้ามาเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคนแน่นอน โดยเฉพาะหากเราสามารถปรับปรุงและเพิ่มความสะดวกในขั้นตอนการเข้ามาเที่ยวไทยได้ ดึงดูดชาวจีนเข้ามาเที่ยวไทยได้ทันช่วงไฮซีซั่นนี้ เพราะปัจจุบันมีชาวจีนเข้ามาเที่ยวไทยขยับเป็น 4 แสนคนต่อเดือน จากเดิมอยู่ที่ 3 แสนคนต่อเดือน ทำให้ตัวเลขอาจสามารถขยับขึ้นเป็นไม่น้อยกว่า 5 แสนคนต่อเดือนได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ สอดคล้องกับวันชาติจีนที่เป็นวันหยุดพิเศษติดต่อกันหลายวันของคนจีนด้วย” นายยุทธศักดิ์กล่าว

นายยุทธศักดิ์กล่าวอีกว่า ในบางพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวหลักตอนนี้การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว สะท้อนจากยอดจองล่วงหน้าที่มากกว่าปี 2562 หรือช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ด้วย หากนำจีนเข้ามาได้มากขึ้นก็เป็นโอกาสในการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวจีนไปยังพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ โดยเฉพาะจังหวัดเมืองรองที่ยังมีความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ โดยประเทศไทยอาจไม่ได้กลับไปในจุดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 9 แสนคนถึง 1 ล้านคนต่อเดือนแล้ว แต่หากนำกลับมาได้สักครึ่งหนึ่งก็ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ เนื่องจากต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจจีนยังไม่ได้ฟื้นตัวกลับมาดีมากเท่าที่ควร คนจีนออกไปเที่ยวต่างประเทศลดลง จากเดิมประมาณ 100-150 ล้านคนต่อปี แต่ตอนนี้เดินทางไม่ถึง 100 ล้านคนต่อปี ซึ่งไทยไม่ได้ต้องการให้เข้ามาเที่ยวไทยทั้งหมด ต้องการเพียง 10% ของจำนวนคนจีนเที่ยวต่างประเทศเท่านั้น จะอยู่ประมาณ 10 ล้านคนต่อปี

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า นอกจากนี้ สิ่งที่ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวไทยคือ กระแสข่าวที่ออกมาในต่างประเทศเป็นภาพที่ค่อนข้างแรง และอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ในแง่ลบของการเที่ยวไทย อาทิ การมาเที่ยวประเทศไทยจะมีอันตราย การเปิดเผยข้อมูลว่ามีคนจีนอาศัยอยู่ในประเทศไทยสูญหายไป ซึ่งส่วนนี้จะต้องมีความชัดเจนในการแก้ไขออกมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเที่ยวไทยกลับคืนมา และดึงภาพลักษณ์ในแง่ลบให้บวกขึ้นมา ไม่อย่างนั้นนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางออกประเทศได้มากขึ้นก็อาจไม่มาเที่ยวไทยก็ได้ จึงต้องทำไปพร้อมกันระหว่างการอำนวยความสะดวกการเข้าประเทศ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงต้องเป็น “ฟรีวีซ่า” แต่เป็นการอำนวยความสะดวกเข้าประเทศในด้านวีซ่า รวมถึงทำให้เกิดความมั่นใจว่าเที่ยวเมืองไทยปลอดภัย