ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
กสก.หนุนเกษตรกรปลูกพืช GAP ชูปลอดภัย ได้มาตรฐาน
17 ธ.ค. 2566

กรมส่งเสริมการเกษตร หนุนเกษตรกรไทยปลูกพืชให้ได้การรับรองตามมาตรฐาน GAP พืช เพื่อรับประกันว่าจะได้ผลผลิตคุณภาพดี ปลอดภัย มีมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก อันจะช่วยสร้างรายได้อย่างยั่งยืนแก่เกษตรกร

นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ดำเนินนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐานตามระบบการรับรองมาตรฐาน GAP พืช โดยทำหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์รับสมัครขึ้นทะเบียน ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตตามระบบมาตรฐาน GAP ให้คำปรึกษาแนะนำ และประเมินแปลงเบื้องต้น รวมทั้งรวบรวมรายชื่อเกษตรกรที่ผ่านการประเมินแปลงเบื้องต้น และประสานงานจัดส่งใบสมัครให้หน่วยตรวจรับรองในสังกัดกรมวิชาการเกษตร ตลอดจนร่วมเป็นคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชตามระบบการจัดการคุณภาพการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (GAP พืช

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการปรับปรุงแก้ไขการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชอาหาร จาก มกษ. 9001 - 2556 เป็น มกษ. 9001 – 2564 โดยในรายละเอียดสำคัญคือมีการปรับข้อกำหนดในการผลิตสินค้าพืชอาหารให้มีความชัดเจน ลดความซ้ำซ้อน เหมาะสมกับสภาวการณ์ในสังคมปัจจุบัน และสอดคล้องกับมาตรฐาน ASEAN GAP มากขึ้น เพื่อทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในความปลอดภัยของอาหาร มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเกษตรกรผู้ปฏิบัติงานมีสวัสดิภาพที่ดี

นายรพีทัศน์ กล่าวถึงมาตรฐาน GAP พืช ว่า คือ "การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชอาหาร (Good Agricultural Practices for Food Crop)" เป็นมาตรฐานที่ครอบคลุมการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชอาหาร ได้แก่ พืชผัก ไม้ผล พืชไร่ พืชสมุนไพรและเครื่องเทศ ในทุกขั้นตอนการผลิตตั้งแต่ในระดับสวน/แปลงเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีความปลอดภัยจากสารเคมี จุลินทรีย์และศัตรูพืช มีคุณภาพเหมาะสมต่อการบริโภคหรือความต้องการของผู้บริโภค โดยคำนึงถึงการใช้ปัจจัยการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนการผลิต คำนึงถึงสุขภาพ ความปลอดภัย สวัสดิภาพของผู้ปฏิบัติงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างความยั่งยืน

 

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า ในส่วนของข้อกำหนด 8 ประการ เพื่อขอรับรองแหล่งผลิต GAP พืช สำหรับเกษตรกร มีดังนี้

1. น้ำที่ใช้ ต้องมาจากแหล่งน้ำที่ไม่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนสิ่งที่เป็นอันตรายต่อผลผลิต
2. พื้นที่ปลูก ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อน สิ่งที่เป็นอันตรายต่อผลผลิต
3. วัตถุอันตรายทางการเกษตร มีการจัดเก็บเป็นหมวดหมู่ในสถานที่เก็บที่มิดชิด ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ในการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรที่ถูกต้อง และใช้ตามคำแนะนำหรือตามฉลากที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร
4. การจัดการกระบวนการผลิตก่อนการเก็บเกี่ยว มีแผนควบคุมการผลิต มีการจัดการที่ดีในการใช้ปุ๋ยและสารปรับปรุงดิน
5. การเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวผลิตผลที่มีอายุเหมาะสมและถูกสุขลักษณะ ตามความต้องการของตลาดหรือข้อกำหนดของลูกค้า
6. การพักผลิตผล การขนย้าย และการเก็บรักษา มีการจัดการอย่างถูกสุขลักษณะของสถานที่ วิธีการขนย้าย การพักผลิตผล และ/หรือเก็บรักษาผลิตผล
7. บุคลากร ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ ความเข้าใจ หรือได้รับการฝึกอบรมสุขลักษณะส่วนบุคคล เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกสุขลักษณะ
8. เอกสาร บันทึกข้อมูล และการตามสอบ มีบันทึกข้อมูลการใช้สารเคมี ประวัติการฝึกอบรม ข้อมูลผู้รับซื้อผลิตผลการปฏิบัติงานก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว และเก็บรักษาข้อมูลการปฏิบัติงานและเอกสารสำคัญอย่างน้อย 2 ปี ของการผลิตติดต่อกันหรือตามที่ลูกค้าต้องการ

นายรพีทัศน์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่เกษตรกรจะได้รับจากการปลูกพืชตามระบบมาตรฐาน GAP คือ ทำให้เกษตรกรมีความรู้ในการผลิตพืชอย่างมีระบบ ป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้อง สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ ผลผลิตมีคุณภาพ ปลอดภัยจากการปนเปื้อนสารเคมี เชื้อโรคและศัตรูพืช ได้ผลผลิตที่มีมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งในและต่างประเทศ ได้รับการรับรองระบบการผลิตและผลผลิตเป็นที่ยอมรับ เป็นการยกระดับในการสร้างมูลค่าของผลผลิต สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคได้บริโภคพืชผัก ผลไม้ที่ปลอดภัย ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง อีกทั้งยังทำให้เกิดรายได้จากการขายผลผลิตที่ปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนด้วย โดยเกษตรกรสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...